สธ.คอนเฟอร์เรนซ์ ผอ.รพ.ทั่วประเทศ ติดตาม โรคพิษสุนัขบ้า วอนอย่ากินเนื้อปนเปื้อน
โรคพิษสุนัขบ้า – เมื่อวันที่ 18 ก.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงษ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์หลังประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ร่วมกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลทั่วประเทศ เพื่อติดตามผลและสั่งการเรื่องการดูแลสุขภาพประชาชน ว่า สถานการณ์พิษสุนัขบ้าในประเทศไทยยังต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง เพราะยังพบว่ามีสัตว์ป่วยด้วย โรคพิษสุนัขบ้า อยู่
ส่วนกรณีล่าสุดที่มีประชาชนจ.นครศรีธรรมราช ชำแหละเนื้อโคที่ตายจากเชื้อพิษสุนัขบ้าจำหน่ายและรับประทาน จากนั้นมีการออกข่าวว่ามีอาการปวดกล้ามเนื้อ น้ำลายไหลเยอะ ซึ่งเป็นอาการของเชื้อพิษสุนัขบ้านั้น เรื่องนี้ได้สอบถามกับทางจังหวัดแล้วยืนยันว่าไม่มีใครที่มีอาการเช่นนั้น ส่วนใหญ่เพราะตกใจกันมากกว่า เพราะโดยเฉลี่ยเชื้อดังกล่าวมีระยะฟักตัว 5 เดือน
สธ.ติดตาม โรคพิษสุนัขบ้า
เมื่อถามว่าขณะนี้สถานการณ์โค-กระบือติดเชื้อพิษสุนัขบ้าตายมีมากน้อยเพียงใด นพ.โอภาส กล่าวว่า เท่าที่ทราบสถานการณ์สัตว์ติดเชื้อพิษสุนัขบ้าตายยังคงสูงอยู่ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนล่าง อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่าหากมีสัตว์ป่วยตายไม่ว่าจะเป็นสัตว์ชนิดใด ห้ามนำมารับประทานเด็ดขาด อย่าเสียดาย เพราะเสี่ยงได้รับเชื้อพิษสุนัขบ้า และที่ร้ายแรงกว่านั้น คือ เชื้อแอนแทรกซ์ และฝากถึงคนที่เลี้ยงสุนัข และแมวขอให้มีความรับผิดชอบ พามาฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าด้วย
อย่างไรก็ตาม หากเลี้ยงไม่ไหวก็อย่าเอาไปปล่อยวัด เพราะขณะนี้เห็นว่าทางพระพุทธศาสนามีประกาศว่าการนำสัตว์มาปล่อยวัดถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ อีกกรณีหนึ่งที่ขอตั้งข้อสังเกตคือการให้อาหารสัตว์จรจัดไม่รู้ว่าได้บุญหรือบาปกันแน่ เพราะบางครั้งสัตว์เหล่านั้นเกิดไปกัดคนอื่นและติดเชื้อพิษสุนัขบ้าเข้าก็มี ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือเมื่อเลี้ยงสุนัข แมวไม่ไหว หรือเจอสุนัข แมวจรจัดควรแจ้งปศุสัตว์เพื่อเข้าไปดำเนินการดีกว่า
“ขอย้ำอีกครั้งว่าเรามีวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าที่ได้ผลดี แต่หากเกิดการติดเชื้อแล้วโอกาสเสียชีวิตคือ 100 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นคนเลี้ยงต้องพาสัตว์เลี้ยงมาฉีดวัคซีน แล้วถ้าถูกกัด ข่วน เลีย ก็ให้มาพบแพทย์เพื่อประเมินการรับวัคซีน ซึ่งวันนี้จากการติดตามสถานการณ์วัคซีนป้องกันพาสุนัขบ้าในคนก็พบว่ามีเพียงพอ พื้นที่ไหนมีน้อยก็ใช้ระบบการเกลี่ยกันของสถานพยาบาล” นพ.โอภาส กล่าว
________________________________________________________________
