สาวคู่กรณี วอน ‘นกน้อย อุไรพร’ ไถ่โฉนดคืน ตามที่ทนายตกลง หลังเจ้าตัวผิดนัดถึง 2 ครั้ง ครวญตอนเดือดร้อนยอมให้โฉนดที่ดินไปจำนอง ตอนนี้ตนเดือดร้อน ขอให้ช่วยไถ่โฉนดมาคืน ด้านตร.ออกหมายเรียกรอบสอง มาพบวันที่ 8 ต.ค.นี้ เพื่อสอบปากคำ คดีฉ้อโกง

‘นกน้อย อุไรพร’ / จากกรณีพิพาท ระหว่างนางอุไร ฉิมหลวง หรือ นกน้อย อุไรพร ราชินีหมอลำ คณะ “เสียงอิสาน” กับนางสุดารัตน์ ภูผานี อายุ 46 ปี นักธุรกิจสาวในสหรัฐอเมริกา ปมเรื่องที่ดิน 33 ไร่ มูลค่า 48 ล้านบาท ที่ฝ่ายราชินีหมอลำ นำไปจำนองเป็นเงิน 3.8 ล้านบาท เพื่อนำเงินไปเปิดวงเดินสายแสดง เมื่อปี 2559 ซึ่งผ่านไปกว่า 3 ปี ก็ยังไม่ได้โฉนดที่ดินคืน นางสุดารัตน์จึงเข้าแจ้งความดำเนินคดีฐาน “ฉ้อโกง” ไว้ที่ สภ.เมืองอุดรธานี เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา จนเป็นข่าว โดยตกลงว่าจะนำโฉนดมาคืน ในวันที่ 13 ก.ย. แต่ปรากฏว่ายังไม่มีการไถ่ถอนนำโฉนดมาคืนแต่อย่างใด

อ่านข่าว : “นกน้อย” ขอความเป็นธรรม! ลั่นไม่ได้โกง ยืนยันไม่ยุบวง ‘เสียงอิสาน’ งานชุกถึงปี 64

ตร.เผยนกน้อยไม่ยอมมาตามนัด

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 28 ก.ย. พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า หลังจากให้ทนายทั้งสองฝ่ายเจรจากัน ตกลงว่าจะนำโฉนดมาคืน ในวันที่ 13 ก.ย. เมื่อถึงเวลากลับไม่มีการนำโฉนดที่ดินมาคืน และทนายของทางนกน้อยฯ ขอเลื่อนไปเป็นวันที่ 25 ก.ย.

แต่พอถึงกำหนดก็ยังไม่มีโฉนดมาคืน ซึ่งการเจรจาไกล่เกลี่ย ได้ดำเนินการไปตามกรอบเวลา แต่ทางด้านคดี พ.ต.ท.ผลิตอรัญ บุญมาตุ่น รอง ผกก.สอบสวน เจ้าของคดีก็ดำเนินไป โดยเรียกพยานฝ่ายนางสุดารัตน์มาสอบสวนเสร็จแล้ว นอกจากนี้ยังได้เชิญนายทุนที่รับจำนองโฉนด มาสอบสวนปากคำด้วย

พ.ต.อ.ภูมิวิทย์ กล่าวต่อว่า ทางพนักงานสอบสวนสอบปากคำนายทุน พร้อมไกล่เกลี่ยให้คิดดอกเบี้ยตามที่กฎหมายกำหนด และนำเงินดอกเบี้ยที่จ่ายทุกเดือนมาหักเงินต้นและดอกเบี้ยตามกฎหมาย ทำให้เหลือยอดหนี้ที่จะต้องนำมาไถ่โฉนดที่ดินคืนเป็นเงิน 2.1 ล้านบาทเท่านั้น แต่ทางนกน้อยยังไม่ไปไถ่โฉนดคืน

ออกหมายเรียกสอบรอบสอง

พนักงานสอบสวนจึงออกหมายเรียกให้มาพบ เพื่อสอบสวนปากคำครั้งแรก ในวันที่ 28 ก.ย. นี้ แต่ทางนกน้อยให้ทนายคนใหม่แจ้งว่า ขอเลื่อนนัดเพราะติดธุระ จะขอมาพบในวันที่ 30 ต.ค. แต่ตำรวจเห็นว่านานเกินไป จึงสั่งให้มาพบเวลา 10.00 น. วันที่ 8 ต.ค. และได้แนะนำให้นางสุดารัตน์ นำเงินไปไถ่โฉนดที่ดินคืนมาก่อน เพราะถ้าคิดมูลค่าที่ดินแล้วมันต่างกันมาก ถ้าโฉนดหลุดมือไปจะไม่คุ้ม

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของ นางสุดารัตน์ ที่ ต.หนองบัว อ.เมือง จ.อุดรธานี ซึ่งเจ้าตัวเปิดเผยว่า หลังจากที่ให้ทนายเจรจาไกล่เกลี่ยกัน ว่าจะนำโฉนดมาคืนวันที่ 13 ก.ย. แต่ว่าแม่นกน้อยไม่มาไถ่โฉนดจากนายทุนคืนมาให้ และขอเลื่อนไปเป็นวันที่ 25 ก.ย. แต่ก็ยังไม่ได้เหมือนเดิม ทราบว่าทนายแม่นกน้อยได้ขอถอนตัว เพราะทนายแนะนำอะไร แม่นกน้อยก็ไม่ยอมทำตาม ทำให้เสียคำพูดกับผู้ใหญ่

ส่วนตนได้เลื่อนตั๋วเครื่องบินกลับอเมริกา จากวันที่ 13 ก.ย. มาเป็น วันที่ 4 ต.ค. ซึ่งเลื่อนเป็นครั้งที่ 5 แล้ว นอกจากนี้ยังต้องไปขอต่อสัญญากับนายทุนอีก 3 เดือน นายทุนบอกจะต่อให้อีกเพียงเดือนเดียว ถึงวันที่ 25 ต.ค.นี้เท่านั้น

สาวคู่กรณีวอนไถ่โฉนดมาคืน

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแนะนำให้ตนนำเงิน 2.1 ล้าน ไปไถ่โฉนดออกมาก่อน ซึ่งถ้าตนมีเงินสดจะมาร้องทุกข์กับตำรวจทำไม หากถึงวันที่ 25 ต.ค.ยังไม่ได้ที่ดินคืน และจะต้องถูกยึดที่ดิน คงเสียใจ เพราะมันไม่ยุติธรรมสำหรับเราเลย ที่ว่าเราเป็นคนมาร้องทุกข์ แต่กลับมีทุกข์มากกว่าเก่า

“หลังจากแม่นกน้อยผิดนัด ไม่นำโฉนดมาคืน ก็เสียใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับ อยากฝากบอกแม่นกน้อยว่า ให้ออกมารับผิดชอบ เมื่อครั้งที่แม่นกน้อยลำบาก เรายังออกมาช่วยเหลือ แต่ครั้งนี้เราลำบาก ต้องการนำโฉนดที่ดินไปแบ่งขาย นำเงินไปลงทุนทำธุรกิจที่อเมริกา ขอให้แม่นกน้อยช่วยไถ่โฉนดที่ดินให้คืน อีกทั้งนายทุนอุตส่าห์ลดหนี้ให้เหลือ 2.1 ล้านบาท ถือว่าถอยให้เยอะมากแล้ว แต่ให้ถึงวันที่ 25 ต.ค. นี้ แม่นกน้อยก็น่าจะนำเงินมาไถ่โฉนดคืนให้ได้ เรื่องจะได้จบ เราจะได้กลับอเมริกาไปทำธุรกิจที่ทิ้งไว้หลายเดือนเสียที” นางสุดารัตน์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ได้พยายามติดต่อไปทางทิดหลอด สามีของ นกน้อย อุไรพร เพื่อจะขอสัมภาษณ์ นกน้อย อุไรพร อีกครั้ง แต่ไม่สามารถติดต่อได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน