พี่ชายเชื่อ สิบเอก ถูกระเบิดสังหารโหด สงสัยเพื่อนร่วมงาน เอี่ยวคดียาเสพติด

กรณี เกิดเหตุ ระเบิดในรถเก๋งโตโยต้า โซโลน่า สีน้ำเงิน ทะเบียน กง 6913 นราธิวาส ของ ส.อ.สุพัฒน์ธนะชัย มากประสิทธิ์ อายุ 36 ปี ทหาร ชป.รส.ที่2 บก.ควบคุม มทบ.44 หรือ ชุดปฎิบัติการรักษาความสงบเรียบร้อย ที่2 กองบังคับการควบคุม มทบ.44 ขณะจอดไว้ ข้างบ้านพัก ในกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 415 บ้านบางนอน หมู่ที่ 1 ต.บางนอน อ.เมือง จ.ระนอง

ส่งผลให้ตามร่างกายช่วงท่อนขาด้านบน ถูกแรงอัดระเบิดแหลกเหลว ก่อนทนพิษบาดแผลไม่ไหว ไปเสียชีวิตที่ ร.พ.ระนองในเวลาต่อมา

หน้าค่ายที่เกิดเหตุ

หน้าค่ายที่เกิดเหตุ

คืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 6 ต.ค. หน่วยพิสูจน์หลักฐานจังหวัดระนอง และชุด อีโอดี บก.ภ.จว.ระนอง เดินทางเข้าพื้นที่ ในกองร้อย ตชด 415 เพื่อหาหลักฐาน พิสูจน์ให้ได้ว่า มีการใช้ระเบิดชนิดใดในการจุดชนวนสังหาร โดยอาจเป็นการใช้ระเบิดซีโฟร์ทำระเบิด เพราะไม่มีสะเก็ดตามร่างกาย แต่มีร่องรอยเนื้อตัวมีรอยไหม้ ตามบาดแผลที่ปรากฏตามตัวของผู้เสียชีวิต

ซึ่งต้องรอผลการผ่าพิสูจน์ตามบาดแผลทางร่างกายประกอบ ส่วนหากเป็นระเบิดสังหารชนิดขว้าง ที่ผู้ตายนำมาเล่นแล้วอาจจะพลาดหล่นภายในรถยนต์ ก็จะมีสะเก็ดระเบิดฝังในร่างกาย และตามตัวรถที่เกิดเหตุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามพี่ชาย และแม่ผู้เสียชีวิต ต่างยืนยันว่าไม่ใช่ระเบิดที่ผู้ตายนำมาเล่นแน่นอน เนื่องจากไม่ใช่คนที่มีนิสัยชอบเล่นปืนและระเบิด โดยพี่ชายผู้ตายยืนยันอีกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด เนื่องจากผู้ตายได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้สืบสวนเรื่องยาเสพติด ซึ่งน่าจะไปเกี่ยวข้องกับเพื่อนร่วมงานที่อาจพัวพันกับยาเสพติด จึงเป็นชนวนเหตุที่นำไปสู่การสังหารโหดในครั้งนี้

ส.อ.สุพัฒน์ธนะชัย มากประสิทธิ์ อายุ 36 ปี

ส.อ.สุพัฒน์ธนะชัย มากประสิทธิ์ อายุ 36 ปี

อย่างไรก็ตามในคดีรี้ ผู้สื่อข่าวที่ติดตามข่าว ถูกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดระนอง สั่งห้ามเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด และมีการแจ้งผ่านเวรรักษาการณ์ด้านประตูหน้าค่าย ตชด.ว่า เจ้าหน้าที่กำลังทำงาน เพื่อความไม่สะดวกจึงห้ามนักข่าวทุกสำนักเข้าไปในจุดที่เกิดเหตุ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน