ฉาวอีก! โกงเงินคนพิการ กว่า 2 ปี หลอกเซ็นสัญญา จ่ายเงินไม่ครบ

จากกรณีตัวแทนผู้ปกครองคนพิการใน จ.กาฬสินธุ์ ร้องเรียนเรื่องเงินค่าจ้างผู้ดูแลคนพิการ ในโครงการจ้างเหมาบริการตามมาตรา 35 คนละกว่า 100,000 บาทต่อปี หรือเดือนละเกือบ 10,000 บาท ถูกชมรมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญา จ.กาฬสินธุ์ ยักยอกเงินด้วยวิธีให้เปิดบัญชีทำงาน

จากนั้นเก็บบัตรเอทีเอ็มและสมุดบัญชีก่อนจ่ายให้รายเดือนแค่คนละ 2,000-4,000 บาท ขณะที่มีการโอนเงินเข้าจริงเกือบหมื่นบาท เรียกร้องเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ ขณะที่ประธานชมรมฯ ยืนยันความโปร่งใส จ่ายค่าจ้างให้ตามข้อตกลงตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น

ล่าสุด วันที่ 14 ต.ค.ผู้สื่อข่าวรายงาน ปัญหาการร้องเรียนจากนางฐานิดา อนุอัน อายุ 46 ปี ผู้ดูแลน้องอี๊ฟ อายุ 17 ปี ลูกสาว ซึ่งมีความพิการทางสติปัญญา และนางราตรี คามุลทา อายุ 66 ปี เป็นผู้ดูแล น้องบีม อายุ 15 ปี หลานสาว มีความพิการทางสติปัญญา ซึ่งนางราตรี เป็นหนึ่งในผู้ได้รับสิทธิ์ตามมาตรา35 เป็นปีที่ 2

นางราตรี กล่าวว่า เมื่อต้นปี 2560 ทางเครือข่ายชมรมผู้ปกครองคนพิการได้ติดต่อให้นำหลานพิการสมัครเข้ารมชม โดยต้องเข้ารับการบำบัด สัปดาห์ละ 3 วัน ซึ่งจะได้ค่าจ้างสัปดาห์ละ 1,000 บาท หากขาดวันใดวันหนึ่งก็จะถูกหักเหลือ 600 บาท ซึ่งก็สมัครและมอบสมุดเงินฝากพร้อมบัตรเอทีเอ็ม ไว้ที่ชมรมตามที่ประธานชมรมบอก ปีที่ผ่านมาก็จะพาน้องบีมนั่งรถรับจ้างไปเข้าชมรม

ส่วนพ่อแม่น้องบีมและลูกคนอื่นๆ ไปทำงานต่างจังหวัด การเลี้ยงดูน้องบีมจึงตกเป็นภาระของตน เหตุที่ตัดสินใจไปสมัครเพราะอยากให้น้องบีมได้มีพัฒนาการที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังจะได้เงินค่าจ้างเพื่อเป็นค่านม และของใช้ส่วนตัวน้องบีมอีกด้วย เฉลี่ยปีที่ผ่านมาได้รับค่าจ้างเป็นเงินสดเดือนละ 4,000 บาท หรือได้รับจริงตลอดปีไม่ถึง 48,000 บาท

นางราตรี กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาไม่เคยรู้ตัวเลยว่าได้เซ็นสัญญาเป็นลูกจ้างหรือผู้ดูแลคนพิการ ในโครงการจ้างเหมาผู้ดูแลคนพิการ ตามมาตรา 35 ซึ่งจะได้ค่าจ้าง 109,500 บาทต่อปีหรือเดือนละ 9,125 บาท ที่รู้คือพอสิ้นเดือนก็ได้รับเงิน 4,000 บาท หรือหากสัปดาห์ใดไปไม่ครบ 3 วันก็จะถูกหัก 600 บาท กระทั่งมีข่าวโกงเงินคนจนในหลายจังหวัด และนางฐานิดา ไปร้องเรียนกับเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ ซึ่งโยงมาถึงชมรมผู้ปกครองคนพิการ จ.กาฬสินธุ์ ตนได้ยินข่าวรู้สึกไม่สบายใจ ในระยะหลังจึงไม่พาน้องบีมไปเข้าชมรมอีก

“ล่าสุดเมื่อไม่พาหลานไปเข้าชมรม ประธานชมรมฯก็เอารถมารับตนกับน้องบีมถึงที่บ้าน แต่ตนก็ไม่ยอมไป กระทั่งเมื่อตอนเย็นวันที่ 5 ต.ค. ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 20.00 น. ประธานชมรมได้มาหาตนที่บ้าน พร้อมนำเอกสารมาด้วยแผ่นหนึ่ง พร้อมบอกให้ตนเซ็นรับรองในเอกสารแผ่นนั้น โดยบอกว่าเมื่อวันที่ 20 ก.ย. ตนพาน้องบีมไปรับยา

ช่วยเซ็นรับรองให้หน่อย เป็นคนแก่ หูตา ไม่ดี อ่านหนังสือไม่ออก ก็ยอมเซ็นให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจว่าคงไม่มีปัญหาอะไร แต่ในที่สุดก็พึ่งรู้ว่ามีพฤติกรรมไม่โปร่งใส หลอกให้เซ็นรับรองสัญญารับข้อตกลงให้หักค่าแรงเหลือเดือนละ 4,000 บาท ซึ่งเป็นการเซ็นเอกสารที่ประธานชมรมแต่งขึ้นมาใหม่ หลังมีข่าวนางฐานิดาไปร้องเรียน” นางราตรีกล่าว

ด้านนางฐานิดา กล่าวว่า จากการตรวจดูเอกสารฉบับที่นางราตรีเซ็น พบพิรุธชัดเจน เพราะเท่าที่ตนทราบและสอบถามนางราตรี ที่เป็นผู้ดูแลคนพิการ ตามโครงการจ้างเหมาบริการ มาตรา 35 ด้วยกัน ยืนยันว่าไม่เคยได้รับฟังคำชี้แจงหรือรู้รายละเอียดในสัญญา รวมทั้งความชัดเจนในเรื่องค่าจ้างเลย รู้แค่ว่าประธานชมรมแนะนำให้ไปเปิดบัญชี แล้วให้นำสมุดเงินฝากและบัตรเอทีเอ็มมาเก็บไว้ที่ชมรม โดยได้รับค่าจ้างเดือนละ 2,000 -4,000 บาทเท่านั้น ส่วนรายละเอียดอื่นๆ มารู้หลังจากร้องเรียนกับเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ

“พิรุธที่เห็น ขัดต่อคำตอบของประธานชมรม ว่ามีการทำความเข้าใจก่อนทำสัญญา ซึ่งในช่วงนั้นน่าจะเป็นราวเดือนมกราคม 2561 แต่วันที่ที่ระบุในหนังสือฉบับที่นำมาให้นางราตรีเซ็น กลับลงวันที่ 20 กันยายน 2561 หลังจากที่มีหลักฐานสัญญาที่ระบุไว้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2561 นานถึง 8 เดือน และนอกจากนี้ ชื่อบุคคลที่ลงชื่อรับรองในชุดเดียวกับนางราตรี ซึ่งหมายถึงผู้ได้รับสิทธิ์ตามมาตรา 35 ตามโควตาของบริษัทดังกล่าวปีละ 10 คน กลับไม่มีชื่อของตนคือนางฐานิดา ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้รับจ้างนั้น แต่กลับมีชื่อคนอื่นแทนที่ แล้วอย่างนี้จะเกิดความโปร่งใสได้อย่างไร จึงจะเดินหน้าเรียกร้องภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบ เพื่อคืนสิทธิ์และความชอบธรรมให้ผู้ดูแลคนพิการ ที่เงินค่าจ้างตามโครงการจ้างเหมาบริการดูแลคนพิการ ตามมาตรา 35 ถูกยักยอกไป 2 ปี ” นางฐานิดา กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน