กรมอุทยานฯ เฉียบขาดสั่งรื้อ 56 บ้านพักรีสอร์ทบุกรุกเกาะเสม็ด จ.ระยอง จับทำบันทึกข้อตกลงรื้อก่อน 28 แห่งให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 19 ก.พ.นี้ ส่วนอีก 23 แห่งยังสู้ขอใช้สิทธิโต้แย้ง อ้างอยู่มาก่อน ขณะที่การจัดระเบียบชายหาดใหม่ ควงกระบองไฟให้เปลี่ยนจากใช้เปลวเพลิงจากน้ำมันมาเป็นหลอดไฟแอลอีดีแทน ร่มบินย้ายไปนอกอุทยานฯ เรือกล้วยให้เล่นห่างออกจากฝั่ง 300-500 เมตร หมอนวดให้ไปใช้บริการที่บ้านพัก เต้นท์ เก้าอี้ห้ามตั้งบนหาดทรายแก้ว หาดวงเดือน เผย 3 เดือนรายได้ทะลุ 22 ล้านบาท

กรณีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เข้าแก้ปัญหาการทุจริตรวมทั้งปัญหาการบุกรุกพื้นที่ในอุทยานแห่งชาติ เขาแหลมหญ้า-เกาะเสม็ด จ.ระยอง โดยมีการโยกย้ายหัวหน้าอุทยานฯ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานฯ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ทุกระดับตั้งแต่คนงาน คนขับเรือจำนวนถึง 79 คน เนื่องจากมีการเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการทุกระดับ พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงและวินัยร้ายแรงตลอดจนมีการเข้าไปจัดระเบียบการท่องเที่ยวในอุทยานฯ ใหม่ทั้งหมดนั้น

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 12 ม.ค.นายณัฐพล รัตนพันธุ์ ผอ.ส่วนอุทยานแห่งชาติทางทะเล กรมอุทยานฯ เปิดเผยหลังลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าในการแก้ปัญหาอุทยานฯ เขาแหลมหญ้า – เกาะเสม็ด ว่า กรมอุทยานฯ ร่วมกับสำนักงานธนารักษ์พื้นที่ระยอง องค์การบริหารส่วนตำบลเพและกองพันทหารราบที่ 6 ตรวจสอบพื้นที่ที่ถูกบุกรุกพร้อมเรียกประชุม ผู้ประกอบการรีสอร์ท บ้านพักในอุทยานฯ ที่มีการบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ ได้ข้อสรุปว่า จะมีการรื้อถอนรีสอร์ทและบ้านพัก จำนวน 56 หลังภายในวันที่ 19 ก.พ.นี้

โดยกรมอุทยานฯ ได้ทำบันทึกข้อตกลงกับผู้ประกอบการ จำนวน 13 ราย ที่บุกรุกพื้นที่อุทยานฯ โดยจะขอรื้อถอนรีสอร์ท บ้านพักเอง ประกอบด้วย 1.นายสุเทพ บุญธาราม 1 หลัง 2.นายครองศักดิ์ บุญธาราม 1 หลัง 3.น.ส.จินต์ศจี ธรรมรักษา 1 หลัง 4.นายพันธุ์ศักดิ์ สุภาพพานิจ 1 หลัง 5.น.ส.ลำภา ฟุ้งเฟื่อง 2 หลัง 6.นายชุมพล ฟุ้งเฟื่อง 4 หลัง 7.นายบุญเกื้อ ฟุ้งเฟื่อง 1 หลัง 8.บริษัท ปารดี รีสอร์ท จำ กัด 3 หลัง 9.น.ส.ศุทธินี สถิตธรรมดี 2 หลัง 10.นางมารยาท พรพัฒนไสว 1 หลัง 11.น.ส.คำผ่อง สมอินทร์ 3 หลัง 12.นายสาธิต อรุณเวสสะเศรษฐ 1 หลัง และ 13.นางสุนีย์ ทรัพย์ไพฑูรย์ 7 หลัง ถ้าภายในวันที่ 19 ก.พ. ทั้ง 13 ราย ยังไม่มีการรื้อถอน อุทยานฯ จะรื้อถอนเอง พร้อมฟ้องแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายด้วย การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามมติการแก้ปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ (กบร.) วันที่ 17 ต.ค.2543

ผอ.ส่วนอุทยานฯ ทางทะเลฯ กล่าวต่อว่า แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีรีสอร์ท บ้านพัก อีก 7 ราย ที่ไม่ยอมทำบันทึกข้อตกลงกับกรมอุทยานฯ โดยโต้แย้งสิทธิว่าอยู่มาก่อนมติของ กบร. ประกอบด้วย 1.น.ส.ณพสุรีย์ คูหาวิไล 1 หลัง 2.น.ส.กุสุมา คูหาวิไล 1 หลัง 3.นางภัคจิรา ทองเขาอ่อน 1 หลัง 4.นายสังเกตุ รัตนปัญหา 1 หลัง 5.น.ส.สมจิตร พรหมณรงค์ 5 หลัง 6.น.ส.รสนา ไพรยวัล 8 หลัง และ 7.นางภิราพัฒณ์ วงศ์มณีกิจชัย 6 หลัง

นอกจากนี้ มี 1 ราย คือนายจำเนียร หนุนภักดี ได้รื้อถอนเองแล้ว จำนวน 3 หลัง และมีอีก 1 ราย จำนวน 2 หลังอยู่ระหว่างดำเนินคดีแต่ได้ใช้สิทธิร้องอุทธรณ์คำสั่งทางปกครอง ทั้งนี้ การแก้ปัญหาบุกรุกน่าจะแล้วเสร็จหลังวันที่ 19 ก.พ.นี้

นายณัฐพล กล่าวอีกว่า สำหรับในส่วนของการจัดระเบียบบนอุทยานฯ อื่นๆ ได้กำหนดให้มีการใช้ท่าเทียบเรือของ อบจ.ระยอง เพียงท่าเรือเดียว ส่วนอีก 6 ท่าให้รื้อออกให้หมดเพื่อสะดวกต่อการควบคุมและการจัดเก็บค่าธรรมเนียม ส่วนในช่วงเทศกาลที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก อุทยานฯ จะสร้างแพลอยน้ำเป็นท่าเทียบเรือลอยขึ้นมา 1 ท่า เพื่อแบ่งเบาภาระท่าเรือใหญ่ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวปรากฎว่าในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาอุทยานฯ เขาแหลมหญ้า-เกาะเสม็ด สามารถจัดเก็บเงินรายได้เข้าอุทยานฯ ได้ถึง 22 ล้านบาท โดยตั้งแต่จัดระเบียบเมื่อเดือนต.ค. เก็บได้ถึง 4.8 ล้านบาท พ.ย.เก็บได้ 5.5 ล้านบาท ธ.ค. เก็บได้ 8.8 ล้านบาท และจนถึงปัจจุบันได้ถึง 22 ล้านบาท เท่ากับรายได้ทั้งปีของปี 2559

ผอ.ส่วนอุทยานฯ ทางทะเลฯ กล่าวด้วยว่า ส่วนชายหาดทั้งหาดวงเดือนและหาดทรายแล้ว ขณะนี้ไม่มีการวางเต็นท์ วางเก้าอี้ เปิดเป็นชายหาดโล่งเพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินพักผ่อน ขณะที่การเล่นเรือกล้วยให้ไปเล่นห่างจากฝั่ง 300-500 เมตร ร่มบินให้ย้ายไปอยู่นอกพื้นที่อุทยานฯ สำหรับการเล่นควงกระบองไฟที่นักท่องเที่ยวต่างชาติชอบนั้น ให้เปลี่ยนจากการใช้ไฟที่มีเปลวเพลิงจากน้ำมันซึ่งทำให้เกิดการปนเปื้อนหาดทราย ก็ให้เปลี่ยนเป็นใช้หลอดไฟแอลอีดีแทน และให้เล่นในสถานที่พักของตัวเองเท่านั้น เช่นเดียวกับการหมดนวดตามชายหาดก็ให้ไปนวดในสถานที่พัก เป็นต้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน