จับ3 คนไทย นอมินี ให้นักธุรกิจชาวจีน ใช้ชื่อเปิดบริษัท ทำผลไม้แห้ง รังนก หมอนยางพารา บิ๊กโจ๊ก สั่งดำเนินคดี ฐานผิดพรบ.คนต่างด้าว

นอมินี / เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 16 พ.ย. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผบ.ตร. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม. ในฐานะรองผอ. ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรม ทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ร่วมแถลงผลการจับกุม 5 ผู้ต้องหา

ประกอบด้วยนายจัว สุย สัญชาติจีน อายุ 32 ปี น.ส.ปทิตตา นันทิชาชินภัค อายุ 51 ปี นายญาณเมธี หรือภัทรชัย แสนสนุก อายุ 30 ปี นายวิชัย ทวยหาญ อายุ 32 ปี และน.ส.พรศรี เจียมบุตร อายุ 31 ปี สัญชาติไทย ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเปิดบริษัทนอมินีให้บุคคลต่างด้าว โดยจับกุมได้เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่ย่านห้วยขวาง

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการร้องเรียนให้ทำการตรวจสอบ กรณีที่มีบุคคลต่างด้าวเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทย โดยมีการนำคนไทยเข้ามาเป็นหุ้นส่วน เพื่อให้สามารถทำการจัดตั้งบริษัทจำกัดได้ โดยไม่ขัดต่อระเบียบข้อบังคับ

แต่คนไทยที่เป็นหุ้นส่วนดังกล่าว กลับไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในการร่วมลงทุน ดูแลบริหาร หรือได้รับผลประโยชน์จากการดำเนินธุรกิจดังกล่าว ซึ่งการกระทำนั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อคนไทยและเศรษฐกิจในประเทศ อีกทั้งเพื่อเป็นการตรวจสอบบุคคลต่างด้าว ที่เข้ามาพักอาศัยอยู่ในประเทศไทย ตนจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ปราบปรามฯ ชุดปฏิบัติการที่ 14 และ 19 ดำเนินการตรวจสอบ

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ซึ่งต่อมาตำรวจศปอรส.ตร.ได้ทำการตรวจสอบบริษัทจิน เฮา ไท อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ตั้งอยู่ที่ 78/4 ถ.ประชาราษฏร์บำเพ็ญ แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ ซึ่งดำเนินธุรกิจจำหน่ายผลไม้อบแห้ง รังนก และหมอนยางพารา

จากการสืบสวนสอบสวนพบว่า ได้มีการติดต่อว่าจ้างคนไทยให้มาร่วมจดทะเบียนและถือหุ้นแทนในการจัดตั้งบริษัท แต่กรรมการบริษัทผู้ถือหุ้นที่เป็นคนไทย ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการบริหารและไม่ได้รับผลประโยชน์หรือกำไรที่มาจากการประกอบธุรกิจดังกล่าว

อีกทั้งเงินทุนในการเปิดกิจการ ก็เป็นของกรรมการบริษัทที่เป็นคนจีนทั้งสิ้น ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำในลักษณะ‘นอมินี’ โดยถือหุ้นแทนให้กับบุคคลต่างด้าว อันเป็นความผิดตาม มาตรา 36 พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 1 แสนบาท – 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า จึงรวบรวมหลักฐาน ขอหมายจับศาลอาญา จับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจำนวน2 ราย คือนายจัว สุย สัญชาติจีน ในข้อหา “เป็นคนต่างด้าว ยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทย ให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุน หรือร่วมกันประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยคนต่างด้าวนั้นมิได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจดังกล่าวหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของตนแต่ผู้เดียวหรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในบริษัทจำกัด เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจ โดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่ง พ.ร.บ.การประกบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542”

ส่วนน.ส.ปทิตตาและอีก 3 ราย ถูกแจ้งข้อหา “เป็นผู้มีสัญชาติไทยให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุน หรือร่วมกันประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยคนต่างด้าวนั้นมิได้รับอนุญาต ให้ประกอบธุรกิจดังกล่าวหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของตนแต่ผู้เดียว หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในบริษัทจำกัด เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจ โดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่ง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542” ก่อนควบคุมตัวทั้งหมดส่งดำเนินคดีต่อไป

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน