เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 23 ม.ค. ที่บริเวณสนามหน้าอาคารเรียนโรงเรียนวัดบ้านไผ่ท่าโพใต้ หมู่ที่ 3 ต.ไผ่ท่าโพ อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร ครู นักเรียน ผู้ปกครอง และนักเรียนโรงเรียนวัดบ้านไผ่ท่าโพใต้ กว่า 200 คน รวมตัวชุมนุมถือป้าย มีข้อความแสดงถึงความไม่พอใจ และจัดเวทีไฮปาร์คขับไล่ นายธรรมเนียม เพชรพงษ์ ผอ.โรงเรียน ออกนอกโรงเรียน ภายใน 24 ชั่วโมง
ส่วนสาเหตุที่ขับไล่ เนื่องมาจากมีพฤติกรรมทำตัวไม่เหมาะสมหลายประการ ซึ่งความประพฤติดังกล่าวของผอ.โรงเรียน ไม่เป็นแบบอย่าง ในฐานะผู้บริหารโรงเรียน
ทั้งนี้ เรื่องที่เกิดขึ้น คณะครู และผู้ปกครอง เคยทำหนังสือร้องเรียนตั้งแต่ 25 ตุลาคม 2559 ไปยังเขตพื้นที่การศึกษาพิจิตร เขต 1 แต่เรื่องก็เงียบไปจนกระทั่งครู นักเรียน ผู้ปกครองต้องรวมตัวขับไล่ ระหว่างการชุมนุม พ.ต.อ.ประสาร หารโยธา ผกก สภ.โพธิ์ประทับช้าง พร้อมด้วยตำรวจ และทหารชุดมวลชนสัมพันธ์กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดพิจิตร และฝ่ายปกครองอำเภอโพธิ์ประทับช้าง เข้ามาสังเกตการณ์และรักษาความสงบเรียบร้อย
ต่อมาว่าที่ พันตรี สุวศิษฎ์ กันทา รองผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาพิจิตร เขต 1 เดินทางมา เจรจากับครู นักเรียน ผู้ปกครอง ก่อนสั่งการให้นายธรรมเนียม เพชรพงษ์ ผอ. โรงเรียนวัดไผ่ท่าโพใต้ ออกนอกพื้นที่ โดยให้ไปช่วยราชการ ที่ศูนย์การเรียนรู้เกษตรพอเพียงตำบลไผ่ท่าโพธิ์ เป็นการชั่วคราว พร้อมกับตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ผิดก็ว่าไปตามผิด
ด้านนายสุพจน์ วงศ์ เจริญ ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนวัดบ้านไผ่ท่าโพใต้ กล่าวว่า ที่ครู นักเรียน และผู้ปกครองมาชุมนุมขับไล่นั้น เนื่องจากสุดทนต่อพฤติกรรมของผู้อำนวยการที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสมภายในโรงเรียน จึงมาชุมนุมเพื่อขอให้ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิจิตร เขต 1 ย้ายออกนอกพื้นที่โดยเร็ว
ด้าน ว่าที่พันตรีสุวศิษฎ์ กันทา รองผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาพิจิตร เขต 1 กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวได้มีการร้องเรียนมาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่วันนี้ทางครูและผู้ปกครองอยากได้คำตอบที่เร็วจึงมีการชุมนุมขึ้น ซึ่งในเบื้องต้นมาสังเกตการณ์และจะนำข้อมูลไปเสนอต่อผู้อำนวยกาเขตฯ อีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการตามระเบียบและขั้นตอนของทางราชการ ส่วนผู้อำนวยการโรงเรียนวัดบ้านไผ่ท่าโพธิ์นั้น ให้ย้ายออกไปอยู่ศูนย์การเรียนรู้เกษตรพอเพียงซึ่งอยู่ใกล้กันเป็นการชั่วคราวก่อนจนกว่าจะมีผลการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วเสร็จ
