เปิดใจ! หนุ่มบิ๊กไบค์ ซิ่งล่าปิกอัพคลั่ง ที่แท้นักบิดฝีมือฉกาจระดับประเทศ
จากกรณีที่มีคลิป หนุ่มบิ๊กไบค์ พาตำรวจซ้อนท้าย ไล่ล่าจับกุมปิกอัพคลั่งเมายาซิ่งฝ่าไฟแดง โดยเป็นคลิปกำลังบิดไล่ล่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยิงล้อสกัดก่อนจับกุมตัวได้ในที่สุด
วันที่ 7 ธ.ค. หนุ่มบิ๊กไบค์ คันที่ขับไล่ตามรถผู้ก่อเหตุ คือนายชัยณรงค์ สุขอุ่น หรือ ต๊ะ อายุ 28 ปี ชาว อ.ปลายพระยา เปิดร้านปะยางรถยนต์อยู่ใกล้กับป้อมตำรวจบริเวณสี่แยกนาเหนือ หมู่ 1 ต.นาเหนือ ทราบว่าเจ้าตัวเคยเป็นนักแข่งรถ จยย.ทางเรียบ
เคยเข้าร่วมแข่งขันในระดับประเทศมาแล้วหลายสนาม ทั้งสนามบุรีรัมย์ สนามไทยแลนด์เซอร์กิต สนามพัทยาเซอร์กิต เป็นต้น จึงมีความชำนาญในการขับขี่ และชอบขับรถบิ๊กไบค์ เป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว
นายชัยณรงค์ กล่าวว่า ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ไล่ล่าสุดระทึก ตนนั่งกินข้าวอยู่ร้านข้าวข้างป้อมตำรวจ บริเวณจุดสกัดสี่แยกนาเหนือ ต่อมาเห็นรถกระบะคันดังกล่าว ขับมาด้วยความเร็ว ฝ่าด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่พยายามนำรถขับตามออกไป แต่ตนเห็นว่าผู้ก่อเหตุขับด้วยความเร็ว รถ จยย.ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่น่าจะตามได้ทัน ตนมีรถบิ๊กไบค์ R1 อยู่ จึงนำออกมาแล้วขับไล่ตามรถผู้ก่อเหตุ เพื่อช่วยเจ้าหน้าที่
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
โดยขับตามไปไกลมาก ไล่ตามรถของผู้ก่อเหตุไปติดๆ และติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแจ้งความเคลื่อนไหวให้ทราบเป็นระยะ จนมาถึงด่านทางเข้าถนนเซาต์เทิร์นซีบอร์ด จึงแจ้งให้ตำรวจขึ้นซ้อนท้าย โดยอาสาจะขับไล่ตามไปให้ จนสามารถตามทันและจับกุมผู้ก่อเหตุได้ดังกล่าว ยอมรับว่าช่วงนั้นรู้สึกตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ต้องพยายามไล่ตามคนร้ายให้ได้
นายชัยณรงค์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่ทำ ทำไปด้วยจิตสำนึกของพลเมืองดีเท่านั้น ไม่ได้อยากจะเด่น หรือดังอะไร ตนเห็นว่ารถตำรวจไม่สามารถไล่ตามทัน เพราะผู้ก่อเหตุขับใช้ความเร็วสูง รถตนที่ขับไล่ตามต้องใช้ความเร็วเกือบ 200 กม./ ชม.
อย่างไรก็ตามอยากฝากถึงพลเมืองดีคนอื่นๆ อย่าทำตาม เพราะการขับขี่ด้วยความเร็วขนาดนี้ ต้องใช้ความชำนาญจริงๆ
ตนยอมรับว่าวันเกิดเหตุ อุปกรณ์ป้องกันไม่ได้สวมใส่ด้วย เพราะเร่งรีบกับเหตุการณ์ตรงหน้า อย่างไรก็ตามตนมีความชำนาญด้านนี้อยู่แล้ว จึงตัดสินใจทำไป ไม่ว่าสังคมจะมองในมุมไหนก็พร้อมจะยอมรับ นอกจากนี้อยากฝากเตือนไปถึงเหล่าบรรดานักบิด ที่ชอบขับรถซิ่งตามท้องถนน
หากเป็นไปได้ตนอยากให้หันไปขับขี่แข่งกันในสนามแข่งที่ได้มาตรฐานจะดีกว่า เพราะการขับขี่บนท้องถนนด้วยความเร็ว และไม่มีความชำนาญ อาจจะเกิดอันตรายกับตัวเอง และบุคคลอื่นได้
