ผอ.กองการศึกษา ยืนยันไม่เคยไล่เด็กออก เล่าเหตุการณ์จริง วอนชาวเน็ตเห็นใจ!

เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.61 เวลา 14.30 น.ที่ห้องศูนย์ดำรงธรรมเทศบาลเมืองสระบุรี น.ส.ศรีสุนา ตันเจริญ ผอ.กองการศึกษาเทศบาลเมืองสระบุรี พร้อมด้วย น.ส.เบญจมาศ สังข์เพชร นักวิชาการเทศบาลเมืองสระบุรี และนายจิรายุทธ บุญแลบ อาจารย์ฝ่ายปกครองโรงเรียนเทศบาล 1 (วัดทองพุ่มพวง) ร่วมชี้แจงกรณีมีกระแสข่าวทางโลกโซเชียลว่า ผอ.กองการศึกษา เรียกเด็กหญิงเหยื่อถูกรุมโทรมเข้ามาพูดคุย แล้วให้เด็กออกจากโรงเรียน เนื่องจากว่าทำให้โรงเรียนเสื่อมเสียชื่อเสียง โดยมี นายภาณุพงศ์ ทิพยเศวต นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสระบุรี ร่วมรับฟังคำชี้แจง

โดย น.ส.ศรีสุนา ตันเจริญ ผอ.กองการศึกษาเทศบาลเมืองสระบุรี กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากว่าในวันนั้น (วันที่ 21 ธ.ค.61) ตนได้ไปร่วมงานเปิดกีฬาสีที่โรงเรียนเทศบาล 4 จากนั้นตนเองได้เดินทางไปยังโรงเรียนเทศบาล 1 เพื่อไปตรวจโรงเรียน ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ที่จะต้องเข้าไปตรวจดูโรงเรียนทุกโรงเรียนในสังกัดเทศบาลเมืองสระบุรี

จังหวะนั้นได้พบกับ น.ส.นารีรัตน์ ปุวรัตน์ ผอ.โรงเรียนเทศบาล 1 กำลังนั่งคุยอยู่กับเด็กหญิงที่ถูกรุมโทรม จากนั้น ผอ.โรงเรียน ได้แนะนำให้ตนได้รู้จักกับเด็กหญิงคนดังกล่าว ซึ่งตนเองยังบอกไปกับ ผอ.โรงเรียนเลยว่าให้ดูแลให้ดีนะ แล้วตนเองยังบอกต่อเลยไปว่าเด็กนักเรียนต้องมาเรียนทุกวันนะ เนื่องจากว่าเธอนั้นได้ย้ายมาจากที่อื่น เกรงว่าเวลาเรียนจะไม่ ฉะนั้นเธอต้องมาเรียนทุกวัน อายุเพิ่งเท่านี้มาเรียนให้จบ และอย่าขาดเรียนอีกต่อไป

น.ส.ศรีสุนา กล่าวต่อว่า โลกโซเชียลบอกว่ามีป้าแก่ๆ เข้าไปในโรงเรียน ซึ่งตนเองก็ไม่ทราบว่าเป็นป้าไหน แต่ตนเองเป็นผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาเทศบาลเมืองสระบุรี ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งตนเองจะพูดอย่างนั้นได้อย่างไร ในเมื่อ พรบ.การศึกษา บอกเลยว่าการศึกษาภาคบังคับเด็กต้องจบเรียนชั้น ม.3 และก็อายุ 12 ปี นั้นเราไม่สามารถไล่เด็กออกโรงเรียนได้ จะต้องเรียนให้จบ การเรียนจบคือเด็กจะต้องมาโรงเรียนทุกวัน ไม่ใช่มาๆ ไปๆ

โซเชียลบอกว่า มีป้าแก่ๆไปบอกไล่เด็กออกจากโรงเรียน พยายามบีบบังคับเด็ก ดิฉันขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง” พร้อมย้ำว่า ไม่มีนโยบายไล่เด็กออก เนื่องทางเทศบาลเมืองสระบุรี เป็นโรงเรียนท้องถิ่นไม่มีสิทธิ์ไล่เด็กออกมีแต่ต้องช่วยเหลือเด็ก ซึ่งตนเองเป็น ผอ.สำนักงานกองการศึกษา จะต้องดูแลเด็ก ถึง 10 โรงเรียน ไม่ว่าเด็กจะเป็นอย่างไร ตนพยายามที่จะเคลียกับฝ่ายปกครองตลอด จึงต้องขอความเห็นใจผู้ที่แสดงความคิดเห็นในโลกออนไลน์ ว่าอย่าฟังความข้างเดียว และทำให้เสื่อมเสียต่อองค์กร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน