เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บัลลังก์ 2 ศาลจังหวัดพิษณุโลก ผู้พิพากษาศาลจังหวัดพิษณุโลก ได้อ่านคำพิพากษาในคดีนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ชั้นปีที่ 3 สาขารัฐศาสตร์ จำนวน 5 คน ประกอบด้วย นายชัยธวัช ธำรงศักดิ์คุณ, นายศิริวัฒน์ คุ้มทัศ, นายธนพล คงอิว, นายธราเทพ แสงพิรุณ และน.ส.กมลชนก กล่ำเทพ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 คน คือ ส.ต.อ.สุบิณ นุชขำ ผบ.หมู่ กก.สส.ภ.จ.พิษณุโลก (จำเลยที่ 1) ร.ต.ท.ธนาคาร ชัยพิพัฒน์ สังกัดกลุ่มงานสืบสวน ภ.จ.พิษณุโลก (จำเลยที่ 2) และร.ต.อ.วุฒิภัทร บัวอุไร สังกัดกลุ่มงานสืบสวน ภ.จ.พิษณุโลก (จำเลยที่ 3) ขับรถไล่ยิงแล้วลงไปทำร้ายร่างกายนักศึกษาจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดตั้งแต่ช่วงค่ำคืนของวันที่ 18 มี.ค.2559 ปีที่ผ่านมา

ซึ่งขณะเกิดเหตุมีกล้องวงจรปิดจับภาพเอาไว้ได้ และได้เข้าร้องเรียนที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 6 จนนำมาสู่การตั้งคณะกรรมการตำรวจหลายฝ่ายสอบสวน โดยพล.ต.ท.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร ผบช.ภ.6 ในขณะนั้น ได้มีหนังสือคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนทั้งหมด พร้อมดำเนินคดีหลายข้อหาหนัก จนเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในชั้นศาล และนัดสืบพยานเสร็จสิ้นเมื่อเดือนธันวาคม 2559 ศาลนัดฟังคำพิพากษาวันนี้

โดยนายเกิดผล แก้วเกิด ทนายของผู้เสียหาย กล่าวว่า เบื้องต้นในคำพิพากษาของศาลชั้นต้นวันนี้พิพากษาว่า ทางฝั่งโจทก์ยื่นฟ้อง 5 ข้อหา คือ 1.ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น 2.เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ 3.ทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส 4.กักขังหน่วงเหนี่ยว 5.ความผิดต่อเสรีภาพข่มขืนจิตใจผู้อื่น

ซึ่งศาลพิพากษาจำเลยทั้ง 3 คน มีความผิดจริงตามมาตรา 309 วรรค 2 มาตราเดียว เพราะเป็นการกระทำความผิดกรรมเดียว ผิดกฎหมายและลงโทษบทหนักสุด โดยลงโทษจำเลยแต่ละคนไม่เท่ากัน และยกฟ้องในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นและเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ สั่งจำคุกจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 คนละ 1 ปี ฐานร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวและข่มขืนจิตใจผู้อื่น แต่ความผิดฐานทำร้ายร่างกายจำเลยให้การเป็นประโยชน์ยอมรับสารภาพบางข้อหาในระหว่างสืบพยาน และนำเงินมาบรรเทาความเสียหายให้ฝ่ายโจทก์คนละ 40,000 บาท ศาลจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ส่วนจำเลยที่ 2 และ 3 ศาลลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1 จำนวน 11 เดือน จำเลยที่ 2 และ 3 จำนวน 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา โดยอนุญาตให้ประกันตัวโดยวางหลักทรัพย์คนละ 500,000 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังผู้พิพากษาตัดสินคดีความในศาลชั้นต้นเสร็จสิ้นแล้ว ทางกลุ่มนักศึกษาและญาติที่มาร่วมรับฟังคำพิพากษาในวันนี้ ต่างรู้สึกพึงพอใจและเคารพผลการตัดสินพิจารณาของศาล แต่ก็จะขอยื่นอุทธรณ์กับศาลในข้อห้าร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบต่อไป ทั้งนี้ นักศึกษายังรู้สึกหวาดกลัวกับการกระทำที่รุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ จึงอยากฝากไปถึงผู้ที่ถูกกระทำให้ลุกขึ้นต่อสู้เพื่อความยุติธรรม และป้องกันการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้เกิดเรื่องกรณีนี้ซ้ำอีก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน