สุดเสียดาย พบ ค้างคาวสีทอง สัตว์หายากใกล้สูญพันธุ์ บินเกาะชนรถเก๋งเกาะทะเบียนตาย เจ้าของรถ เผยเดินทางมาทำบุญกระดูกญาติ ก่อนได้ยินเสียงเหมือนอะไรชนรถ เชื่อนำโชคลาภมาให้
เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการโพสต์ภาพ ค้างคาวยอดกล้วย หรือ ค้างคาวสีทอง ที่ตายแล้ว โดยของเจ้าของเฟซบุ๊ก พร้อมข้อความเป็นภาษาเหนือ ความว่า “เสียดาย บ่คิดว่าเจ้าหายาก” หลังทราบเรื่องดังกล่าว จึงพยายามติดต่อเจ้าของเฟซบุ๊ก เพื่อขอทราบพิกัดที่เจอ เพราะเป็นค้างคาวที่หายากและใกล้จะสูญพันธุ์ กระทั่งทราบว่า เจ้าของเฟซบุ๊ก คือ นางอุบลรัตน์ ดอนลาดลี บ้านเลขที่ 231 ม.11 บ้านก้าวเจริญ ต.น้ำแวน อ.เชียงคำ จ.พะเยา ซึ่งปัจจุบันประกอบธุรกิจส่วนตัวที่กรุงเทพฯ
นางอุบลรัตน์ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงปีใหม่นี้ ตนได้เดินทางมาทำบุญกระดูกญาติที่บ้านก้าวเจริญและออกไปทำธุระ ขณะขับรถเก๋ง ทะเบียน 6กส4185 กรุงเทพฯ ออกจากหมู่บ้านช่วงกลางคืน จู่ๆก็รู้สึกมีเสียงวัตถุอะไรบางอย่างมาชนรถของตน ซึ่งทีแรกคิดว่าเป็นก้อนหินหรือเศษไม้เล็กๆกระเด็นใส่ จึงไม่ได้สนใจอะไร
“จนรุ่งเช้า ก็พบค้างคาวตัวดังกล่าวเกาะที่แผ่นป้ายทะเบียนหน้ารถ และตายแล้ว ด้วยความที่คิดว่ามันสวยเลยถ่ายรูปและโพสต์ไว้บนเฟซบุ๊กเพื่อไว้เป็นที่ระลึก ก่อนจะมาทราบภายหลังว่าเป็นสัตว์สงวนและหายาก ก็รู้สึกใจหายและเสียดาย จึงนำซากค้างคาวไปฝังดินไว้ในบริเวณบ้าน เพราะเชื่อว่าค้างคาวสีทองจะนำโชคลาภมาให้” นงาอุบลรัตน์ กล่าว
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่ 
ด้าน นายนายสุธรรม อาดนนท์ลา หัวหน้าฝ่ายบริหารอุทยานแห่งชาติภูซาง เปิดเผยว่า ค้างคาวสีทองเป็นค้าวคาวที่มีโอกาสจะพบน้อยมากและยากมาก เป็นสัตว์ที่กำลังจะสูญพันธุ์ไปจากประเทศไทย การพบที่พื้นที่เชียงคำก็แสดงว่าระบบนิเวศวิทยามีความอุดมสมบูรณ์ประกอบกับอาจจะมีกล้วยป่าขึ้นเป็นจำนวนมาก จึงเป็นแหล่งพักและแหล่งอาหารของค้างคาวยอดกล้วยได้เป็นอย่างดี เพราะค้างคาวยอดกล้วยไม่นิยมอยู่ในถ้ำเหมือค้างคาวทั่วไป แต่จะชอบอยู่ในป่าดิบที่มีกล้วยป่าขึ้นเยอะ
นายสุธรรม กล่าวต่อว่า ค้างคาวยอดกล้วย เป็นค้างคาวขนาดเล็ก มีขนาดลำตัวและปีกพอๆ กับผีเสื้อ มีน้ำหนักประมาณ 10 กรัม ความยาวตลอดปลายปีก 15-20 เซนติเมตร ขนตามลำตัวสีส้มสด ใบหูใหญ่ ปีกมีสีแดงแกมน้ำตาลบางส่วน ส่วนที่เหลือเหมือนค้างคาวทั่วไป และหากชาวบ้านในพื้นที่ อ.เชียงคำได้พบเจอค้างคาวยอดกล้วยอีก ขอให้รีบประสานมายังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูซาง เพื่อที่ทางเราจะได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลนำไปศึกษาและทำการอนุรักษ์ไว้ให้กับคนรุ่นได้รู้จักต่อไป
