‘บิ๊กโจ๊ก’ ผนึกตร.ภ.3 ค้น36จุด แก๊งกู้นอกระบบ เมืองอุบลฯ ยึดทรัพย์ส่งตรวจสอบอื้อ 900 ล้าน

แก๊งกู้นอกระบบ / เมื่อวันที่ 16 ม.ค. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

ในฐานะหัวหน้า ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมด้วยพล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 และนายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ โฆษกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

ร่วมแถลงผลการบุกตรวจค้นเป้าหมาย ของนายทุนเงินกู้นอกระบบจำนวน 20 ราย ในพื้นที่ 6 จังหวัดอีสานตอนล่าง รวม 36 จุด จับผู้ต้องหาตามหมายจับ 12 คน และเชิญมารับทราบข้อหาอีก 1 คน สามารถยึดทรัพย์สินเป็นที่ดินและบ้านจำนวนกว่า 400 รายการ เนื้อที่รวมกันกว่า 1,700 ไร่ รวมทั้งรถยนต์ที่ต้องถูกนำไปตรวจสอบ คิดเป็นมูลค่ารวมของทรัพย์สินที่เข้าตรวจค้นทั้งสิ้นกว่า 900 ล้านบาท

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์กล่าวว่า การเข้าตรวจค้นแหล่งเงินกู้นอกกฏหมาย ของเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 3 เจ้าหน้าที่ปปง.และเจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการคืนความเป็นธรรมให้กับลูกหนี้ที่ถูกเอาเปรียบ ส่วนเจ้าหนี้ เจ้าหน้าที่ก็จะให้ความเป็นธรรมตามขั้นตอนของกฏหมาย เพราะทุกอย่างต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฏหมาย โดยไม่มีการอำพรางด้วย

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ด้านนายนายพีระพัฒน์กล่าวว่า สำนักงานปปง.จะเข้ามาตรวจสอบดูทรัพย์สินที่ยึดไว้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐานใดของกฏหมาย ปปง. เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้งกับลูกหนี้และเจ้าหนี้ ซึ่งหากได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ปปง.ก็จะดำเนินการตรวจสอบได้ข้อยุติได้ถูกต้องเป็นธรรมยิ่งขึ้น

สำหรับจังหวัดอุบลราชธานี เจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี ได้บุกเข้าตรวจค้นแหล่งปล่อยเงินกู้นอกระบบตั้งแต่ช่วงเช้าจำนวน 3 จุด

คือเต้นท์จำหน่ายรถยนต์มือสองบ้านคำเจริญ ต.แสนสุข อ.วารินชำราบ ยึดโฉนดที่ดินที่ลูกหนี้นำขายฝากและจำนำกับนายสุรชัย (สงวนนามสกุล) จำนวน 35 แปลง รถยนต์ที่วางจำหน่ายอีก 29 คัน และทรัพย์สินอื่นๆอีก 27 รายการ

ส่วนจุดที่ 2 เป็นโรงค้าไม้แปรรูป ต.ในเมือง มีนางกมลรัตน์ (สงวนนามสกุล) เป็นเจ้าของได้ตรวจยึดโฉนดที่ดินจำนวน 88 แปลง และยังพบรถยนต์ที่นำมาจำนำจำนวน 16 คัน รถจักรยานยนต์อีก 2 คัน โดยนายนันทวิทย์ (สงวนนามสกุล) ลูกเขยนางกมลรัตน์รับว่าเป็นผู้รับจำนำรถทั้งหมดไว้

ต่อมาได้เข้าค้นบ้านพักในซอยชยางกูร 40 ถ.ฅชยางกูร ต.ในเมือง ซึ่งเป็นของ น.ส.รุ่งนภา(สงวนนามสกุล) และนายมันโมฮัน ซิง (สงวนนามสกุล) สองสามีภรรยา สามารถยึดโฉนดที่ดินที่ชาวบ้านนำมาขายฝากและจำนำไว้จำนวน 22 ฉบับ นอกจากนี้ ยังพบกัญชาน้ำหนักอีก 3 กรัม ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหามียาเสพติดประเภทที่ 5 (กัญชา)ไว้ในครอบครอง

พร้อมทำการตรวจยึดทรัพย์สินของนายทุนทั้ง 3 ราย ที่ลูกหนี้นำมาจำนำไว้มาตรวจสอบ ว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด มีการปกปิด ซ้อนเร้น อำพรางของการได้มาของทรัพย์สินนั้น ตามกฏหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ซึ่งเจ้าของทรัพย์สินทั้งหมดยินดีให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจยึดไว้

นอกจากนี้ ยังมีการตั้งข้อหานายทุนที่ถูกเข้าตรวจค้นยึดทรัพย์สินเหล่านี้ในหลายความผิด เช่น ตั้งโรงรับจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต ประกอบสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต ปล่อยเงินกู้เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กำหนดกำหนด

และหากนายทุนรายใดมีลูกหนี้เกินกว่า 10 ราย และมีการทำนิติกรรมอำพรางเป็นการขายฝากที่ดิน แต่ไปเรียกเก็บดอกเบี้ยเป็นรายเดือนรายปี จะถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงประชาชนด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ซึ่งระหว่างที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เข้าเยี่ยมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ มีกลุ่มลูกหนี้มามอบดอกไม้และนำผ้าขาวม้า มามอบให้เป็นกำลังใจกับพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ด้วย

 

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน