ป.ป.ส. จ่อแจ้งความ ล่ามือมืด โพสต์ข่าว กัญชา บิดเบือนข้อเท็จจริง สร้างความสับสนแก่ประชาชน ทำหน่วยงานเสียหาย เตรียมยื่นศาลระงับการเผยแพร่-ลบข้อมูลออกจากระบบ

จากกรณีมีผู้โพสต์ในสื่อออนไลน์ ในหัวข้อ “สายเขียว เฮลั่น! อนุมัติแล้ว คนไทยสามารถปลูกกัญชาได้ที่บ้าน ไม่เกิน 50 ต้น” เผยแพร่เมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีผู้แชร์ต่อๆ กันอีกจำนวนหนึ่ง โดยผู้โพสต์อ้างถึง เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) กล่าวถึงความคืบหน้าการนำกัญชาใช้ทางการแพทย์ ซึ่งขณะนี้ตาม ร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ ที่มีการเปลี่ยนแปลงตามประมวลยาเสพติด ในสาระสำคัญกัญชายังเป็นยาเสพติดที่ผิดกฎหมาย

ส่วนการผ่อนปรนเพื่อให้นำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์หรือการศึกษาวิจัยได้ สำหรับประเด็นการนำเข้า ส่งออก จำหน่ายครอบครอง อยู่ในอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทางการแพทย์ เภสัชกรเป็นผู้ได้รับอนุญาต

และได้กล่าวต่อไปอีกว่า “แต่ในกรณีการขออนุญาตปลูกที่บ้าน ที่เป็นบุคคล จะต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทยเท่านั้น เกิดที่ประเทศไทยเท่านั้น ครอบครัวละไม่เกิน 50 ต้น ต้องมีสมาชิกในครอบครัวอย่างน้อย 3 คน” นั้น เป็นข้อมูลที่มีลักษณะบิดเบือนไปจากข้อเท็จจริง

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ม.ค. นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า การเสนอข่าวดังกล่าวเป็นการนำเนื้อข่าวที่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนมาเติมแทรกข้อความที่เขียนขึ้นเองโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด และประการสำคัญข้อความที่เติมแทรกมานั้น นอกจากเป็นข้อความอันเป็นเท็จแล้ว ยังสามารถทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดในนโยบายของรัฐและเจตนาของการปรับกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดได้

นายนิยม กล่าวต่อว่า เห็นว่าหากไม่ดำเนินการใดๆ ต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเสนอข้อความอันเป็นเท็จดังกล่าว จะมีผลให้ประชาชนเกิดความสับสน และ ป.ป.ส.จะได้รับความเสียหาย จึงได้มีการมอบหมายให้ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ดำเนินการตรวจสอบหาชื่อ และที่อยู่ของผู้โพสต์ข้อความดังกล่าว และรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานทั้งหมด

“เพื่อร้องทุกข์หรือกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้โพสต์ข้อความดังกล่าว ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และมีหนังสือถึงพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 เพื่อพิจารณายื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้มีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลาย หรือลบข้อมูลดังกล่าวออกจากระบบต่อไป” นายนิยม กล่าว

___________________________________________

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน