วันที่ 23 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากชาวบ้านกลางเจริญ ต.ต้นผึ้ง อ.พังโคน จ.สกลนคร ว่า มีวัดในหมู่บ้านชื่อ วัดเสียวสวาท กำลังก่อสร้าง หอระฆัง แม้จะใช้เงินจำนวนไม่มากแต่ก็ยังสร้างไม่แล้วเสร็จ ลูกหลานที่ทำงานต่างจังหวัดรวมทั้งกรุงเทพ ทำบุญผ้าป่ากฐินมาทอดถวาย ไม่เคยได้ถึงแสนบาทสักครั้ง ส่วนใหญ่เมื่อนำซองไปแจก คนที่รับซองมักสงสัยในชื่อว่า เสียวสวาท ทำให้แปลกใจ ใส่ซองทำบุญมารายละ 10 บาท 20 บาทเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดดังกล่าว พบกับพระอาจารย์วีระพงษ์ อินทโชโต เจ้าอาวาส วัดเสียวสวาท บ้านกลางเจริญ หมู่ 9 ต.ต้นผึ้ง อ.พังโคน จ.สกลนคร เป็นวัดที่อยู่ติดกับลำห้วยปลาหาง ที่ไหลลงแม่น้ำยาม ลงสู่แม่น้ำอูน น้ำสงคราม และแม่น้ำโขงตามลำดับ
พระอาจารย์วีระพงษ์ กล่าวทักทายเมื่อแจ้งว่าเป็นผู้สื่อข่าวว่า จะมาถามเรื่องชื่อวัดใช่มั้ยหากเดาไม่ผิด จากนั้นเปิดเผยว่า วัดแห่งนี้มีพื้นที่ 9 ไร่ 3 งาน เดิมตั้งอยู่หมู่บ้านโพนสว่าง ต.ต้นผึ้ง ต่อมามีการแบ่งแยกหมู่บ้านการปกครองขึ้นอีก จึงขึ้นกับหมู่บ้านกลางเจริญ หมู่ 9 ต.ต้นผึ้ง เดิมมีกุฏิที่สร้างเขียนไว้ พ.ศ. 2463 และได้พระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อพ.ศ. 2532 ปัจจุบันมีพระจำพรรษา 4 รูป
ทุกครั้งที่คนต่างจังหวัดหรือผู้ที่เดินทางผ่านหน้าวัด เห็นป้ายวัดก็เกิดความสงสัยว่าหมายความว่าอย่างไร และมักจะพากันลงมาถ่ายรูป เพราะเห็นว่าชื่อวัดแปลกดี ทางวัดจึงได้เตรียมข้อมูลไว้ตอบญาติโยมที่มาถามแทบทุกวัน
หลายครั้งที่มีการทำบุญในวัดและหมู่บ้านก็มีคนรุ่นใหม่ๆมาหา และบอกว่าเปลี่ยนชื่อวัดได้ไหมเพราะคนอ่านแล้วไม่อยากทำบุญ บางคนลูกหลานที่ทำงานต่างจังหวัด หรือกทม .เมื่อนำซองผ้าป่ากฐินไปแจก มักจะถูกสอบถามว่าทำไมวัดชื่อแบบนี้ ทำให้ใส่ซองทำบุญรายละ 10-20 บาทเท่านั้น ไม่เคยได้เงินเข้าวัดเหมือนวัดอื่นเลย
ต่อมาเคยคิดเปลี่ยนชื่อวัดตามที่หลายคนบอก จึงได้นำเรียนกับทางผู้เกี่ยวข้อง ผลปรากฏว่าชื่อนี้เป็นชื่อที่คนรุ่นเก่าแก่เขาตั้งมาตั้งนานแล้ว และก็มีการประกาศในส่วนราชการต่างๆที่เกี่ยวข้อง จึงทำไม่ได้ ซึ่งก็ต้องยอมรับ ในแต่ละวันมีโยมเข้ามาถามทุกวัน ก็ต้องเตรียมคำตอบไว้ให้
สำหรับที่มาของชื่อวัดนั้น จากประวัติของวัดตั้งอยู่ริมห้วยปลาหาง ที่ไหลมาจากเทือกเขาภูพาน พอมาถึงตรงหลังวัด เป็นวังน้ำวน ชาวบ้านเรียก”กุดน้ำวน” น้ำจะลึก เล่ากันว่าตรงที่ดังกล่าวจะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์น้ำ เต่า ปู ปลา ตลอดจนจระเข้ และพื้นที่ริมฝั่งน้ำจะมีต้นไม้ชนิดหนึ่งขึ้นจำนวนมาก ชาวบ้านเรียก”ต้นเสียว” ขึ้นเป็นพุ่มไม้ ต่อมามีการตั้งวัดบริเวณท่าน้่ำ ชาวบ้านส่วนใหญ่จะเป็นคนภูไท ที่มีภาษาพูดเป็นภาษาถิ่นเฉพาะ เมื่อมาถึงวัดจะมีความ”สวาทสะเวย” หมายความว่า สบาย ไม่ทุกข์ไม่โศกเศร้า จึงตั้งชื่อวัดนั้นตามต้นไม้ว่า “วัดเสียวสวาท” ซึ่งคนรุ่นใหม่ก็แปลความไปในทางแปลกๆ
จะด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้คนมาทำบุญน้อยหรือไม่เข้าใจ เวลาญาติโยมหรือลูกหลานไปแจกซองทำบุญจึงไม่ค่อยมีคนทำบุญกัน เมื่อมีคนมาถามแล้วก็พากันหัวเราะเวลาอธิบาย อาตมาก็ไม่ได้อาย เพราะเป็นชื่อคนรุ่นเก่า ที่ท่านตั้งไว้ดีแล้ว แต่มาติดปัญหาด้านการพัฒนาเท่านั้น ตอนนี้สร้างหอระฆัง กำลังใกล้จะเสร็จแล้ว ใช้เงินไม่มาก แต่เมื่อนำซองบอกบุญไป ก็ได้ตามที่เล่ามา
ทั้งนี้ เจ้าอาวาสยืนยันว่า วัดเสียวสวาท ไม่ได้หมายความถึงสิ่งที่เกี่ยวกับเรื่องความรักหรืออะไรอื่นๆ เป็นชื่อเฉพาะที่คนรุ่นก่อนเห็นว่าดีแล้ว และยืนยันว่าจะไม่เปลี่ยนชื่อ ซึ่งชาวบ้านก็พอใจชื่อนี้ด้วย