ทลายแก๊งแมวน้ำ ฉกข้าวสาร-น้ำตาล กลางเจ้าพระยา ขณะนำส่งเรือใหญ่กลางอ่าว

ทลายแก๊งแมวน้ำ / เมื่อวันที่ 6 ก.พ. ที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1

พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รองผบช.ภ.1 พล.ต.ต.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง ผบก.สส.บช.ภ.1 พ.ต.อ.สถิตย์ สังข์ประไพ ผกก.สภ.ช้างใหญ่

ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาคดีโจรกรรมสินค้าทางน้ำ หรือ ‘แก๊งแมวน้ำ’ รวม 10 คน ประกอบด้วย 1.นายภาณุพงศ์ ไชยถา อายุ 23 ปี 2. น.ส.ปิยะมาศ แป้นจั่น อายุ 27 ปี 3.น.ส.สุนทรี แป้นจั่น อายุ 27 ปี 4.นายประสิทธิ์หรือหมี สุทธิบุตร อายุ 36 ปี 5.นายธนันวัฒน์หรือแหว่ง บุณยทวีเกียรติ อายุ 56 ปี

6.นายสมชาย สาแย้ม อายุ 67 ปี 7.นายชูศักดิ์ สาแย้ม อายุ 56 ปี 8.นายคมสัน ศรีเทพ อายุ 40 ปี 9.นายดำรัสหรือแก่น ดวงแก้ว อายุ 37 ปี และ 10.นายสมพรหรือยัน ชัยยะวง สัญชาติลาว

พร้อมของกลาง ข้าวสารที่บรรจุอยู่ในกระสอบน้ำตาลทรายขาว บริษัทน้ำตาลเอราวัณ จำนวน 6 กระสอบ กระสอบน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ บริษัทน้ำตาลไทยรุ่งเรือง จำนวน 6 กระสอบ กระสอบน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ คริสตอลลา จำนวน 53 กระสอบ กระสอบน้ำตาลมิตรผล จำนวน 55 กระสอบ กระสอบน้ำตาลทรายขาว KSL GROUP จำนวน 122 กระสอบ (บรรจุข้าวสาร) จักรเย็บกระสอบ 3 เครื่อง ข้าวสารจำนวน ครึ่งกระสอบ รถเข็นขนของ 9 คัน เรือชะล่า(เรือเหล็ก) 1 ลำ เรือชะล่า (เรือไม้) 1 ลำ มูลค่าความเสียหายของข้าวสาร จำนวน 1,162 กระสอบ คิดเป็นเงิน มูลค่า 618,300 บาท

พล.ต.ท.อำพล กล่าวว่า เมื่อวันที่ 7 ม.ค. บริษัทในเครือกลุ่มธนสรรไรซ์ เจ้าของสินค้าข้าวสาร และบริษัท วอเทอร์โบ๊ท จำกัด มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.สามโคก ว่าข้าวสารจำนวน 378 กระสอบหายไปขณะขนส่งทางเรือจาก อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ไปขึ้นเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ ที่ เกาะสีชัง จ.ชลบุรี

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

จากการสืบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้ต้องหาที่ร่วมกันลักข้าวสารไปจากเรือโป๊ะลาก คือนายภาณุพงศ์ ไชยถา และ น.ส.ปิยะมาศ แป้นจั่น ผู้ควบคุมเรือโป๊ะอลิซ 17 ตำรวจสืบสวนขยายผลทราบว่า ผู้ร่วมขบวนการมีน.ส.สุนทรี แป้นจั่น ทำหน้าที่นายหน้าติดต่อผู้รับซื้อ

นายประสิทธิ์หรือหมี สุทธิบุตร เป็นหัวหน้าแก๊ง ทำหน้าที่ติดต่อรับซื้อและคุมทีม นายสมชาย สาแย้ม และนายชูศักดิ์ สาแย้ม ทำหน้าที่ขนส่งข้าวสาร นายธนันวัฒน์หรือแหว่ง บุณยทวีเกียรติ เป็นนายทุน , นายจ้าง,สั่งการ นายคมสัน ศรีเทพ ทำหน้าที่ขับรถบรรทุกขนส่งสินค้า

นอกจากนี้ได้ประสานข้อมูลกับ สภ.ช้างใหญ่ ทราบว่ามีผู้ต้องหาอีกจำนวน 2 คน ที่ได้ก่อเหตุในเขตพื้นที่ สภ.ช้างใหญ่ คือ นายดำรัสหรือแก่น ดวงแก้ว ทำหน้าที่สรั่งเรือ(คนบอกจังหวะเรือ) นายสมพรหรือยัน ชัยยะวง สัญชาติลาว ทำหน้าที่ผู้ช่วย

พล.ต.ท.อำพล กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันบูรณาการเร่งรัดสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานมาโดยตลอด กระทั่งทราบถึงขบวนการของคนร้าย จนนำไปสู่การขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมด

ต่อมาในวันที่ 5 ก.พ. เจ้าหน้าที่ตำรวจบูรณาการกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด ภายใต้ยุทธการขุดรากถอนโคนทลายแก๊งแมวน้ำ ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 สามารถจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการได้ทั้งหมด จำนวน 10 ราย พร้อมของกลางดังกล่าว

จึงอยากประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ผู้ประกอบการ การขนส่งสินค้าทางน้ำ ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาร น้ำตาล ปุ๋ย และเมล็ดพันธุ์พืช หรือสินค้าอื่นๆ ที่ใช้เรือในการขนส่งสินค้าออกต่างประเทศ ทราบถึงวิธีการของคนร้ายและเฝ้าระวังป้องกัน เนื่องจากคดีลักษณะนี้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านการส่งออกสินค้าสู่ต่างประเทศ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของต่างชาติ และเพื่อความมั่นคงด้านเศรษฐกิจของประเทศ

พล.ต.ท.อำพล กล่าวอีกด้วยว่า เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนจนสามารถจับกุมนายภาณุพงศ์และน.ส.ปิยะมาศ สองสามีภรรยาซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเรือบรรทุกข้าวสารไปส่งที่เกาะสีชังระหว่างทางได้ติดต่อน.ส.สุนทรี ซึ่งเป็นพี่สาวของน.ส.ปิยะมาศ เพื่อหาคนมาซื้อข้าวสารบนเรือ ในราคา 22,000 บาทให้ ได้ค่านายหน้าจำนวน 1,500 บาท

น.ส.สุนทรี ได้ติดต่อแก๊งแมวน้ำผ่านนายประสิทธิ์ เพื่อมาเทียบเรือและลักข้าวสารไป จำนวน 376 กระสอบ มูลค่าความเสียหาย 108,000 บาท เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.61 บริเวณท่าเรือเมรีน่า ในพื้นที่สภ.สามโคก จากนั้นได้ขยายผลขบวนการเดียวกันในพื้นที่สภ.ช้างใหญ่

จับกุมนายดำรัส ดวงแก้ว และนายสมพรหรือยันต์ ชาวลาว ซึ่งได้ร่วมกันลักข้าวสาร มาแล้ว 2 ครั้ง โดยติดต่อผ่านนายประสิทธิ์ เป็นผู้มาเทียบเรือและลักข้าวสารไปจำนวน 786 กระสอบ มูลค่าความเสียหาย 510,200 บาท ไปบริเวณท่าเรือพลพิพัฒน์ เมื่อวันที่ 22-28 ธ.ค.61

ทั้งนี้แก๊งแมวน้ำ จะติดต่อซื้อขายกับผู้ควบคุมเรือขนสินค้า อาทิ ข้าวสาร น้ำตาล เมล็ดพืช ซึ่งล่องเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา จากท่าเรือลงสินค้านำไปส่งเรือบรรทุกสินค้าใหญ่ในน่านน้ำอ่าวไทย อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี เพื่อนำขายต่างประเทศ โดยจะนัดหมายกันนำเรือประกบ ขนสินค้าหรือลักเอาสินค้าในระหว่างทาง

จากนั้นนำขึ้นรถบรรทุกไปยังโกดัง เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ แล้วนำไปขายให้กับลูกค้าทั่วไปตามโรงงานอาหารสัตว์ย่านจังหวัดนครปฐม พื้นที่ก่อเหตุใน จ.พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพฯ สมุทรปราการ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา

ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม จากนั้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.สามโคก และสภ.ช้างใหญ่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนผู้ที่ร่วมขบวนการรายอื่น จะได้ดำเนินการสืบสวนขยายผลติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน