ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ชัยวัฒน์” ให้สัมภาษณ์สื่อ หมิ่นบิ๊กอุทยานฯ

เมื่อวันที่ 13 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลจังหวัดตากอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 ในคดีที่นายสมัคร ดอนนาปี เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร เป็นจำเลย ในข้อหาหมิ่นประมาท ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 และ 328

โดยในคำฟ้องเมื่อวันที่ 6 มี.ค.2560 ระบุว่า นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ขณะดำรงตำแหน่งหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า หรือชุดพญาเสือ สังกัดกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ใส่ความหมิ่นประมาทนายสมัคร ดอนนาปี ต่อประชาชน ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ และแถลงข่าวว่า ได้ค้นบ้านพักของนายสมัคร เนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ โดยนายสมัครกระทำผิดกฎหมาย อาศัยตำแหน่งหน้าที่ครอบครองที่ดินชาวบ้านที่บริจาคให้ส่วนราชการ เป็นข้าราชการที่ประพฤติไม่ชอบทั้งธรรมาภิบาล วินัย และกฎหมาย ทำให้นายสมัครเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง

นอกจากนี้ยังใส่ความนายสมัคร ต่อผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ในรายการเจาะข่าวลึกทั่วไทย สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ และสถานีโทรทัศน์ไทยรัฐในรายการถามตรงกับจอมขวัญ ทำนองว่านายสมัครกระทำผิดต่อกฎหมาย อาศัยตำแหน่งหน้าที่ราชการครอบครองที่ดินที่มีผู้บริจาคให้ส่วนราชการ บุกรุกป่า เป็นข้าราชการมีมลทิน ประพฤติไม่ดี

ต่อมาวันที่ 10 มี.ค.2561 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

นายสมัคร อุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ภาค 6 ศาลอุทธรณ์ภาค 6 รับอุทธรณ์เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2561 ต่อมา ศาลจังหวัดตากอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 โดยพิพากษาว่า การที่จำเลย คือ นายชัยวัฒน์ แถลงข่าวต่อผู้สื่อข่าว และให้สัมภาษณ์ในรายการโทรทัศน์ถึง 3 รายการ อันเป็นการยืนยันข้อเท็จจริงต่อสาธารณชนว่าโจทก์ คือนายสมัคร เป็นข้าราชการไม่ดี ครอบครองที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยระบุว่านำที่ดินไปสร้างบ้านส่วนตัว บุกรุกป่า นำที่หลวงไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว ต้องติดคุก อีกทั้งความจริงที่ดินที่ใช้สร้างบ้านเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินใบจอง (น.ส.2) เลขที่ 21 ที่นายหมง วัฒน์ศรี มอบให้แก่โจทก์ ไม่ได้อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ หรือเป็นที่สาธารณะ

เมื่อจำเลยอ้างว่า โจทก์เป็นอดีตข้าราชการระดับสูง ถูกร้องเรียนว่ามีการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ และ เมื่อจำเลย ลงตรวจพื้นที่ ได้พยายามให้นายหมง แจ้งความเอาผิดต่อโจทก์ ทั้งที่จำเลย ในฐานะเจ้าพนักงาน ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ทั้งระหว่างนั้นนายหมง ยังไม่ได้ร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อโจทก์ตามที่คณะพนักงานมีมติ กลับแจ้งต่อพนักงานสอบสวนว่า โจทก์มิได้สร้างความเสียหายใดๆแก่ที่ดินของตน และนายหมง ได้ยกที่ดินบางส่วนให้โจทก์ด้วยความเสน่หา

การที่จำเลย ให้ข่าวแก่ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ และสัมภาษณ์ออกรายการโทรทัศน์ต่างวันต่างเวลา และต่างสถานที่กันนั้น ทั้งที่ยังไม่อาจยืนยันข้อเท็จจริงได้ว่า โจทก์สร้างบ้านในพื้นที่ที่เป็นป่าสงวนแห่งชาติ หรือเป็นป่าหรือไม่ และเมื่อพิจารณาใบจอง (น.ส.2) เลขที่ 21 ได้ความว่านายอำเภอ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานของรัฐเป็นผู้พิจารณาอนุมัติให้แก่นายหมง และไม่ปรากฎว่ามีการเพิกถอนใบจองดังกล่าวหรือไม่

ดังนั้นการที่จำเลย ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจตรวจสอบข้อเท็จจริง และมีอำนาจรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีแก่ผู้กระทำความผิดตามพ.ร.บ.ป่าไม้ฯ จึงมีอำนาจหน้าที่แสวงหาข้อเท็จจริง และพยานหลักฐาน ที่เกี่ยวข้องตามวัตถุประสงค์ที่มุ่งพิทักษ์รักษาพื้นที่ป่าเพื่อให้ได้มาซึ่งมูลความผิด เพื่อส่งมอบให้พนักงานสอบสวนทำสำนวนนำเข้าสู่การพิจารณาของศาลตามขั้นตอนของกฎหมาย

การให้ข่าวในกรณีดังกล่าว เมื่อพิจารณาคำสั่งกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ 867/2559 เอกสารหมาย จ.5 แล้ว ไม่ใช่หน้าที่ของจำเลย ที่จะแถลงข่าวหรือสัมภาษณ์ ซึ่งอาจเป็นการชี้นำสังคม และทำให้โจทก์ถูกมองว่าเป็นข้าราชการที่ประพฤติตนมิชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ต่างกรรม ต่างวาระ ให้ได้รับความเสียหายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328

ข้อต่อสู้ของจำเลย ที่ว่ากระทำไปตามอำนาจหน้าที่ และให้สัมภาษณ์ไปตามข้อเท็จจริง และตามสภาพที่เห็น เมื่อรับฟังประกอบข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้นแล้วมีน้ำหนักน้อย ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลอุทธรณ์ภาค 6 เห็นพ้องบางส่วน อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน พิพากษาแก้เป็นว่า

จำเลย มีความผิดตามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 การกระทำของจำเลยที่ เป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 6 เดือน ทางนำสืบของจำเลย เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ 1 ใน 3 จำคุกกระทงละ 4 เดือน รวม 3 กระทง จำคุกจำเลย มีกำหนด 12 เดือน

การที่จำเลยแถลงข่าวต่อผู้สื่อข่าว และสัมภาษณ์ ในรายการโทรทัศน์ถึง 3 รายการ อันเป็นการยืนยันข้อเท็จจริงทำนองว่า โจทก์เป็นคนไม่ดี เบียดบังที่ดินที่มีผู้ยกให้เป็นของรัฐ ทั้งที่ข้อเท็จจริงยังไม่ยุติว่า เป็นดังเช่นที่แถลงข่าวหรือไม่ และมิได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของจำเลย อันก่อให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงของโจทก์ในวงกว้าง จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษให้แก่จำเลย

สำหรับคดีดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงปี 2559 จากปฏิบัติการชุดพญาเสือโคร่ง ที่นำโดยนายชัยวัฒน์ ที่บุกตรวจค้นบ้านพักนายสมัคร ซึ่งปลูกอยู่บนยอดเขามิสก๊อก หมู่ 3 บ้านประดาง อ.วังเจ้า จ.ตาก โดยกล่าวหาว่านายสมัคร สร้างบ้านบุกรุกป่าประมาณ 4 ไร่ จนนำไปสู่การฟ้องร้องกันหลายคดี ทั้งนี้ นายสมัครและนายชัยวัฒน์ ต่างเป็นศิษย์เก่าคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เหมือนกันและเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน โดยนายสมัคร เป็นศิษย์พี่รุ่น 41 นายชัยวัฒน์ ศิษย์น้องรุ่น 51

ด้าน นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 10 (อุดรธานี) กล่าวว่า ตนได้รับการประกันตัวจากศาลตั้งแต่เมื่อวานนี้ (12 มี.ค.) แล้ว ซึ่งขอน้อมรับคำตัดสินและเคารพคำวินิจฉัยของศาล และคงต้องขอความเมตตาในชั้นฎีกาต่อไป เนื่องจากตนไม่เคยกระทำผิด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน