วันที่ 19 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จ.เชียงราย และหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ หรือหน่วยชีล ได้นำกำลังกว่า 110 นาย เข้าไปในถ้ำหลวง อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย เป็นวันที่ 2 หลังจากได้กำหนดปฏิบัติการรอบแรกตั้งแต่วันที่ 18-20 มี.ค.เพื่อเก็บกู้อุปกรณ์ที่ตกค้างอยู่ภายในถ้ำ จากการเข้าไปช่วยเหลือทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมี 13 คน เมื่อกลางปี 2561 ที่ผ่านมา อ่านข่าว ครูบาบุญชุ่ม รีเทิร์น พร้อม 13 หมูป่า สวดถอนถ้ำหลวง ช่วยจนท.กู้อุปกรณ์เคลียร์ถ้ำ
ซึ่งปฏิบัติการวันที่ 2 เป็นไปด้วยความยากลำบาก และทำให้เจ้าหน้าที่คาดการณ์ว่าต้องใช้เวลาถึงกลางดึกหรืออย่างน้อยเวลา 21.00 น. เนื่องจากพบอุปกรณ์ถูกทรายที่เกิดจากการพัดพาของน้ำ โดยเฉพาะในช่วงกลางปี 2561 ที่ผ่านมา ทำให้เกิดตะกอนทรายอุดตันและทับถมอุปกรณ์ต่างๆ
โดยภายในถ้ำบางจุดเกิดตะกอนทรายลึกกว่า 1.5 เมตร ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้ไม้ไผ่เข้าไปปักและใช้เป็นฐานในการตั้งถังออกซิเจนที่ตกค้างอยู่ภายใน โดยเฉพาะโถงที่ 3 ที่ลึกประมาณ 2 กิโลเมตร จำนวนกว่า 300 ถังด้วย ขณะที่อุปกรณ์ต่างๆ ที่ติดอยู่ภายในถ้ำด้วย เช่น อุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ อุปกรณ์สื่อสาร สายไฟฟ้า ท่ออากาศ เครื่องสูบน้ำ ฯลฯ ได้ทะยอยถูกขนย้ายออกมาแล้วบางส่วน และมีการจดบันทึกข้อมูลเอาไว้โดยเรียบร้อย แต่เจ้าหน้าที่ยังคงไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าไปบริเวณถ้ำโดยได้ปิดทางเข้าด้านนอกรวมทั้งห้ามการถ่ายภาพโดยให้เหตุผลเรืองกฎข้อห้าความปลอดภัยของหน่วยชีล
ด้าน นายไพฑูรย์ นาคแท้ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เขต 15 กล่าวว่า ภารกิจในวันที่ 19 มี.ค.นี้ มีความยากลำบากและยุ่งยากมากพอสมควรเพราะปัญหาตะกอนทราย แม้ว่าจะไม่มีฝนตกลงมาจนทำให้น้ำเป็นอุปสรรคในช่วงนี้ แต่เมื่อช่วงเดือน ก.ค.2561 ก็มีปริมาณน้ำมากและได้พัดพาเอาทรายและกรวดไหลลงมาปิดทางและอุดช่องต่างๆ แต่เจ้าหน้าที่ก็ปฏิบัติการอย่างแข็งขัน
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่ากองอำนวยการ กำหนดปฏิบัติการช่วงแรกระหว่างวันที่ 18-20 มี.ค.นี้ และมีกำหนดให้ทีมเก็บกู้ฝ่ายพลเรือนเข้าไปดำเนินการต่อด้านการตรวจสอบบัญชีทะเบียนครุภัณฑ์ รวบรวมอุปกรณ์ส่วนควบที่กระจัดกระจาย จัดสภาพเพื่อรักษาสภาพธรรมชาติของบริเวณและภายในถ้ำหลวงให้กลับสู่สภาพเดิมโดยเร็วต่อไป
