ตร.สอบเค้นผัวครูสาว อดีตทหารพราน ผู้ต้องสงสัย ฆ่าโหด 2 แม่ลูก ดับคาบ้าน ค้นบ้านเจอปืน .22 เจ้าตัวให้การปฏิเสธ อ้างว่าวันเกิดเหตุไปทำงานในอำเภอเมือง
กรณีพบศพนางศรีวรรณ ยอดอ่อน อายุ 45 ปี นอนคว่ำหน้า ใส่เสื้อสีเทา สวมกางเกงนอน มีผ้าห่มสีชมพูปกคลุมร่าง พบบใบหน้าศีรษะถูกกระแทกด้วยของแข็ง และข้างที่นอนพบศพด.ญ.ศศิดา ยอดอ่อน หรือน้องแพม วัย 8 ขวบ สภาพศพนอนหงาย ใส่เสื้อแขนสั้นกางแกงนอนขายาว คลุมผ้าห่มสีแดงครึ่งตัว ที่ศีรษะถูกกระแทกด้วยของแข็ง เหตุเกิดที่หมู่บ้านชนเผ่า เลขที่ 52 บ้านผาน้ำย้อย หมู่ที่ 5 ต.พญาแก้ว อ.เชียงกลาง จ.น่าน เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ฆ่าโหด 2 แม่ลูก / ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 20 เม.ย ร.ต.อ.นพพร สุขกันต์ พงส.สภ.เชียงกลาง จ.น่าน นำตัวนายพรหมพิพัฒน์ พรมเกษา อายุ 43 ปี ชื่อเล่นพัด อยู่บ้านเลขที่52 ม.5 ต.พญาแก้ว อาชีพช่างไฟฟ้า และอดีตเคยเป็นทหารพรานอยู่ที่จ.ปัตตานี ก่อนลาออก ซึ่งเป็นสามีของนางศรีวรรณ ยอดอ่อน อายุ 45 ปี ครูสาวศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านผาน้ำย้อย หมู่ที่ 5 ต.พญาแก้ว อ.เชียงกลาง จ.น่าน ที่ถูกฆ่าตายพร้อมด้วยลูกสาวด.ญ.ศศิดา ยอดอ่อน หรือน้องแพม วัย 8 ขวบ ไปฝากขังศาลปัว จ.น่าน ในข้อหามีอาวุธปืนเถื่อนไว้ในครอบครอง เพื่อรอสอบสวน คดีที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยฆ่าเมียและลูก หลังตำรวจเข้าตรวจค้นที่เกิดเหตุพบอาวุธปืนแก๊ปและกระสุนปืน .22 หลายนัด
โดยคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.30 น. คืนวันที่ 18 เม.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจเชียงกลางรับแจ้งว่า มีเหตุฆ่ากันตายที่บ้านเลขที่ 52 บ้านผาน้ำย้อย หมู่ที่ 5 ตำบลพญาแก้ว อำเภอเชียงกลาง จึงไปที่เกิดเหตุซึ่งเป็นหมู่บ้านชนเผ่า ในถิ่นทุรกันดาร เป็นบ้านชั้นเดียวในห้องนอนพบผู้เสียชีวิต 2 คน คือนางศรีวรรณ ยอดอ่อน อายุ 45 ปี ครูสาวศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านผาน้ำย้อย และลูกสาวด.ญ.ศศิดา ใบหน้าถูกทุบด้วยของแข็งหลายจุด มีรอยช้ำตามร่างกาย โดยนำศพไปตรวจพิสูจน์ที่จังหวัดแพร่ พบมีกระสุน .22 ฝังอยู่ในศีรษะทั้งคู่
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
พนักงานสอบสวน กล่าวว่า ยังไม่สรุปประเด็นการตาย เพราะผู้ตายเคยมีเรื่องกับคนในหมู่บ้านหลายคน โดยเฉพาะเรื่องหนี้สิน ทะเลาะวิวาทถึงขั้นไปแจ้งไว้กับผู้ใหญ่บ้าน สำหรับสามีผู้ตายยังอยู่ในฐานะเป็นผู้ต้องสงสัย และให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าวันเกิดเหตุไปทำงานอยู่ที่อำเภอเมือง ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง
ขอบคุณภาพบางส่วนจาก ถิ่นน่านออนไลน์
