ใช้เรือหลวง 3 ลำ รื้อถอนบ้านลอยน้ำแล้ว ติดตั้งอุปกรณ์แยกตัวอาคาร 8 เหลี่ยม ออกจากกัน ก่อนลากกลับเข้าฝั่งจ.ภูเก็ต รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 มั่นใจเอาผิดได้ ไม่กลัวเอกชนฟ้องกลับ

กรณีดำเนินคดีกับนายเชด เอลวาร์โทวสกี้ และน.ส.สุปราณี หรือ นาเดีย เทพเดช ที่สร้างบ้านลอยน้ำกลางทะเล พิกัด ละติจูด 7 องศา 29.37 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 98 องศา 34.81 ลิปดาตะวันออก หรือบริเวณทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะราชาใหญ่ ห่างจากเกาะภูเก็ตไปประมาณ 14 ไมล์ทะเล ตามแนวทางของกลุ่ม Seasteading มีเป้าหมายสถาปนาเป็นรัฐอิสระหรือเขตปกครองตนเอง ในข้อกล่าวหากระทำการใดๆ เพื่อให้ประเทศชาติหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของประเทศตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119 และพนักงานสอบสวนสภ.วิชิต ส่งสำนวนการสอบสวนให้อัยการสูงสุดดำเนินการรับเป็นคดีแล้ว และยึดบ้านลอยน้ำดังกล่าว ก่อนเตรียมรื้อและลากกลับเข้าฝั่งจ.ภูเก็ตนั้น

บ้านลอยน้ำ / ความคืบหน้า เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 22 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทีมปฎิบัติงานประกอบด้วย เจ้าหน้าที่จากทัพเรือภาพที่ 3, ศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 3 (ศรชล. ภาค 3) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสื่อมวลชน พร้อมด้วยเรือหลวงศรีราชา ซึ่งเป็นเรือฐานในการกำกับควบคุมการปฏิบัติการ และเรือลำเลียง อีก 2 ลำ คือเรือหลวงมันใน

สำหรับบรรทุกวัตถุลอยน้ำ 8 เหลี่ยม ซึ่งเป็นตัวบ้าน และเรือหลวงริ้น สำหรับการลากจูงในส่วนของเดือยหรือทุ่นลอยน้ำ เข้าติดตั้งเครื่องมือ อุปกรณ์ และแยกวัตถุระหว่างบ้านลอยน้ำที่มีตัวอาคาร 8 เหลี่ยม ซึ่งมีขนาดกว้างประมาณ 6 เมตร และเดือยหรือทุ่นลอยน้ำ ซึ่งเป็นฐานมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 เมตร ยาวประมาณ 20 เมตร ออกจากกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปฏิบัติการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มั่นใจว่าการเคลื่อนบ้านวันนี้สามารถทำได้ประสบความสำเร็จและนำวัตถุพยานทั้ง 2 ส่วนกลับถึงฝั่งได้ แต่ต้องเปลี่ยนแผนในการนำกลับเข้าฝั่ง จากเดิมที่จะใช้เรือหลวงมันในบรรทุกอาคาร 8 เหลี่ยม กลับขึ้นฝั่ง แต่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากมีขนาดใกล้เคียงกับช่องทางเข้าเรือ ทำให้ต้องใช้วิธีลากกลับเข้าฝั่งแทน ส่วนของการลากตัวเดือยหรือทุนยังคงใช้วิธีการเดิม คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง จึงจะกลับเข้าถึงฝั่งภูเก็ตได้

พล.ร.ต.วิธนรัชต์ คชเสนี รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ทำหน้าที่ผู้บัญชาการกองเรือปฏิบัติการ กล่าวถึงการการปฏิบัติการย้ายวัตถุลอยน้ำกลับเข้าฝั่ง ว่า หลังจากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาทางทัพเรือภาคที่ 3 นำเรือหลวง 3 ลำ คือ เรือหลวงศรีราชา เรือหลวงมันใน และเรือหลวงริ้น ออกปฏิบัติการเพื่อย้ายสิ่งก่อสร้างบ้านลอยน้ำและฐานเหล็กของของกลุ่ม Seasteading เป็นเวลากว่า 5 ชั่วโมง

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ปรากฏว่าขณะนี้การดำเนินการดังกล่าวเริ่มเห็นผลแล้ว โดยทางเจ้าหน้าที่ได้แยกตัวสิ่งก่อสร้างในส่วนที่ลอยน้ำ คืออาคาร 8 เหลี่ยมออกจากฐานได้สำเร็จแล้ว โดยใช้วิธีสูบน้ำเข้าตัวเสา ซึ่งเป็นทุ่นให้จมลงในน้ำ เพื่อให้ตัวอาคารแปดเหลี่ยมลอยเหนือน้ำ เพื่อจะลากขึ้นฝั่ง แต่เนื่องจากไม่สามารถนำขึ้นเรือได้ จึงใช้เรือหลวงมันในลากเข้าฝั่งแทนและเรือหลวงริ้น ลากในส่วนของทุ่นเข้าฝั่งตามแผนเดิม

“ส่วนการดำเนินคดี มั่นใจว่าในส่วนของเจ้าหน้าที่มีหลักฐานเพียงพอ และไม่กลัวหากเอกชนจะฟ้องกลับ เพราะตามกฎหมายประเทศไทยสามารถดำเนินการกับผู้กระทำความผิดได้อย่างแน่นอน และไม่มีใครที่จะมีสิทธิ์ไปสร้างสิ่งปลูกสร้างในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ และเชื่อว่าจากการเอาจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ จะเป็นการป้องปรามไม่ให้รายอื่นๆ ดำเนินการด้วย เพราะทางภาครัฐจะดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด ขณะที่ในส่วนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องดำเนินคดีไปตามกฎหมายของแต่ละหน่วยงาน เชื่อว่าหลังจากนี้ก็จะดำเนินการอย่างแน่นอน” พล.ร.ต.วิธนรัชต์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน