บุกจับวิลล่าหรูยอดเขาสมุย ไม่ขออนุญาต ฝรั่งแฉกลับ โดนขู่จ่ายสินบน 8 แสน!

เมื่อเวลา 08.00น. วันที่ 25 เม.ย. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ท. พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผอ.รมน.ภาค 4 สั่งการให้ พล.อ.ต. วันชัย บุญภักดี ที่ปรึกษาผอ.รมน.ภาค4, พ.อ. ธวัชชัย ทับทิมสงวน กรรมการอำนวยการ รมน.ภาค 4 ร่วมกับ ทหารกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย มณฑลทหารบกที่ 45 พื้นที่เกาะสมุย ฝ่ายปกครองอำเภอเกาะสมุย ตำรวจ.สภ.บ่อผุด เทศบาลนครเกาะสมุย และตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี นำกำลังเข้าตรวจสอบวิลล่าหรูบนภูเขาเฉวงน้อย ม.3 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี

หลังได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการโรงแรมบนเกาะสมุยที่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมถูกต้องตามกฎหมายว่า ต้องมาถูกโรงแรมที่ไม่มีใบอนุญาตเอารัดเอาเปรียบด้วยการแย่งลูกค้าที่มาจองห้องพักเพื่อมาท่องเที่ยวเกาะสมุย ชี้เป็นการทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยว ทำลายระบบเศรษฐกิจของประเทศ และมีความสงสัยว่าพื้นที่ก่อสร้างมีเอกสารสิทธิใดได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างถูกต้องหรือไม่

โดยกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจ-ฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบวิลล่าหลังหนึ่งที่เปิดเป็นโรงแรมให้เช่าเป็นรายคืน ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงชัน มีชื่อว่า เบสเวิลด์วิชั่นวิลล่าสมุย (Best World Vision Villas Samui) ตั้งอยู่เลขที่ 6/80 ม.3 ต.บ่อผุด มีนายสมิท ออลริช (MR.SCHMIDT ULRICH) อายุ 47 ปี สัญชาติเยอรมัน แสดงตัวเป็นเจ้าของ

จากการสอบถามทราบว่าลูกค้า 8 คน เข้าพักอยู่จำนวน 7 ห้อง จึงได้ขอตรวจเอกสารการจองห้องพัก , ใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม , ใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร ดัดแปลงอาคารหรือรื้อถอนอาคารและการแจ้งที่พักของคนต่างด้าว(แบบอ.1) และการแจ้งคนต่างด้าวเข้าพักภายใน 24 ชั่วโมง ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 38ซึ่งปรากฏว่าไม่มีและไม่สามารถนำเอกสารดังกล่าวมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ จึงได้ควบคุมตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติม

นายสมิท ออลริช เจ้าของอาคาร ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่าเมื่อประมาณ 1 ปี 6 เดือนที่ผ่านมา ตนเองเดินทางไปที่ประเทศเยอรมัน ผู้จัดการของตนเองได้แจ้งมาว่า มีเจ้าหน้าที่ใส่เครื่องแบบคล้ายทหารเข้ามาตรวจสอบ ถ่ายรูปวิลล่าของตนเองแห่งนี้ที่กำลังอยู่ระหว่างก่อสร้าง และเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวได้ขอดูเอกสารการก่อสร้าง แต่ตนเองไม่ได้ขออนุญาต

เจ้าหน้าที่ก็ได้ขู่มาว่าถ้าอย่างนั้นต้องหยุดการก่อสร้างและให้รื้อถอนออก แต่ถ้าจะก่อสร้างให้เสร็จและไม่ต้องถูกดำนินคดีก็ให้จ่ายเงินมาแล้วเรื่องทุกอย่างก็จะจบ ตนเองจึงได้ตกลงแล้วโอนเงินให้ในบัญชีของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำนวน 800,850 บาท เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2560 หลังจากนั้นตนเองก็ก่อสร้างอาคารจนแล้วเสร็จและเปิดให้บริการโรงแรมจนถึงทุกวันนี้

ซึ่งเจ้าหน้าที่จึงแนะนำให้ให้นายสมิท ออลริช นำหลักฐานการโอนเงินพร้อมทนายความไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนเพื่อเอาผิดกับกลุ่มบุคคลดังกล่าว เนื่องจากเจ้าของกิจการแจ้งว่ามีทนายความดูแลอยู่ โดยเจ้าหน้าที่แจ้งด้วยว่าหากทำกิจการถูกต้องตามกฎหมาย

เช่น หากเป็นกิจการรูปบริษัทมีผู้ถือหุ้นเป็นคนไทยร้อยละ 51 การครอบครองที่ดินมีที่มาของเอกสารถูกต้อง ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างจากทางเทศบาลถูกต้อง ก็อย่าไปหลงเชื่อให้ใครมาหลอกลวงอีก แต่ในส่วนที่พบความผิดในวันนี้ก็ต้องดำเนินคดีไปตามกฎหมายและต้องขออนุญาตประกอบกิจการโรงแรมให้ถูกต้องเสียก่อน จึงค่อยเปิดดำเนินการได้

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ทุกแห่งไม่สามารถนำเอกสารหลักฐานการขออนุญาตประกอบกิจการ การขออนุญาตก่อสร้างฯมาแสดง โดยให้คำตอบเหมือนกันว่าเอกสารต่างๆอยู่กับทนายความและสำนักงานบัญชี เนื่องจากเป็นผู้รับดำเนินการให้ทั้งหมด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ทหารจะใช้อำนาจตามคำสั่ง คสช.ที่ 13/59 เชิญตัวมาสอบถามหรือขอตรวจสอบไปยังสภาทนายความต่อไป

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แจ้งข้อกล่าวหากับนายสมิท ออลริช อายุ 47 ปี สัญชาติเยอรมัน ว่าร่วมกันกระทำการประกอบธุรกิจโรงแรมโดยไม่ได้รับอนุญาต, เป็นบุคคลต่างด้าวร่วมกันประกอบธุรกิจ(โรงแรมและจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม)ที่คนไทยไม่มีความพร้อมที่จะแข่งขันในการประกอบกิจการกับคนต่างด้าวตามที่กำหนดไว้ในบัญชีสาม(17),(19)

และเป็นเจ้าบ้าน เจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ดูแลเคหะสถานหรือผู้จัดการโรงแรม ไม่แจ้งบุคคลต่างด้าวเข้าพักอาศัยต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายใน 24ชั่วโมงตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 38 พร้อมสั่งระงับการใช้อาคารจะส่งเจ้าหน้าที่กองช่างเทศบาลนครเกาะสมุยเข้ามาตรวจสอบอีกครั้ง ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน