จากกรณี นายชัยยศ โทษาธรรม อายุ 24 ปี หายตัวไปในป่าเขตแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้บ้านโอทะลัน ต.จรัส อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ ตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา และยังไม่กลับออกมา ซึ่งญาติๆ และชาวบ้าน รวมถึงเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานช่วยกันออกค้นหาแต่ก็ยังไม่พบ ขณะที่ญาติบอกว่า นายชัยยศ มีความสนใจอยากเห็นสิ่งศักดิ์ตามที่หมอไสยศาสตร์บอกไว้ จึงได้จัดหาสิ่งของ พร้อมกับดอกไม้กำใหญ่ เพื่อไปบูชา และจะนำสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่อยู่ในถ้ำออกมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น อ่านข่าว หนุ่มหายตัวลึกลับ 5 วันในป่า เผยอยากไปเห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ญาติเชื่อถูกเจ้าป่าบังตา

ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 24 พ.ค. ที่ฐานปฏิบัติการช่องกระโดน ต.จรัส อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ เจ้าหน้าชุดค้นหายังคงปูพรมออกติดตามค้นหาตัวนายชัยยศ ตามเขตป่าแนวชายแดน-กัมพูชา พื้นที่ที่คาดว่าน่าจะพบตัวนายชัยยศ โดยแบ่งกำลังออกค้นหาเป็น 2 ชุด นำโดยนายพัฒนา พึ่งผล ปลัดอาวุโสอำเภอบัวเชด ชุดที่ 2 นำโดย ร.ต.อ.ชูชีพ บาลพิทักษ์ รอง ผบ.ร้อย ตชด.214 กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 21 กำลังพลประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ทหาร ตชด.ตำรวจภูธรบัวเชด กองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอบัวเชด ป่าไม้ ชุด ชรบ.และเจ้าหน้าที่อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ รวมกว่า 80 นาย

เข้าตรวจค้นหาบริเวณใต้ต้นกระโดน หลังบ่อน้ำซับ ห่างจากฐานปฎิบัติการประมาณ 4 กิโลเมตร ใกล้กับแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จากคำบอกกล่าวของชาวบ้านโอทะลัน อ.บัวเชด ว่าเมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่ออกไปหาเห็ดในเขตป่าอนุรักษ์ พบชายลักษณะคล้ายนายชัยยศ ซึ่งอยู่ในสภาพอิดโรย และได้ถามเส้นทางดังกล่าว และชาวบ้านให้เดินย้อนกลับมา

ซึ่งการค้นหาจนถึงช่วงบ่ายเจ้าหน้าที่ยังไม่พบตัวนายชัยยศ พบเพียงร่องรอยตามเส้นทาง ซึ่งเป็นเส้นทางชายแดนไปประจบกับป่าชายแดนด้านอำเภอภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ร่วมกันวางแผนในการค้นหากันอีกครั้ง เพื่อปรับกลยุทธ์ในการค้นหาผู้สูญหาย และจากการเข้าตรวจสอบภายในถ้ำผาสาวโศก ประมาณ 50 เมตร ไม่พบร่องรอยคนเข้าไปรวมถึงภายในถ้ำมืดมาก อากาศร้อน ทั้งแคบ อากาศหายใจแทบไม่มี ซึ่งสภาพในถ้ำไม่ใช่ที่ที่คนจะอยู่ได้

อย่างไรก็ตาม การค้นหาเจ้าหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นบริเวณพื้นที่เคยมีการสู้รบกันมาก่อน และยังคงมีกับระเบิดและทุ่นระเบิดหลงเหลืออยู่ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน ก็ได้นำสุนัขดมกลิ่นจำนวน 2 ตัว มาช่วยค้นหา แต่ก็เป็นอุปสรรคเนื่องจากเวลาการสูญหายล่วงเลยผ่านมาหลายวัน กลิ่นถูกน้ำฝนฉะล้างไปหมดแล้ว

นายพัฒนา เปิดเผยว่า วันนี้เป็นวันที่ 2 ที่เจ้าหน้าที่ออกปูพรมค้นหาผู้ที่สูญหาย เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบและหาหลักฐาน แล้วมาวิเคราะห์ว่าผู้สูญหายควรจะเดินไปทางไหน วันนี้ก็พบร่องรอยล้มและรอยเท้า ตามทางเดินป่า ซึ่งเป็นเส้นทางมุ่งไปสู่ป่าชายแดนที่ตลาดเมืองใหม่ อำเภอภูสิงห์ จ.ศีสะเกษ ก็ต้องมาวิเคราะห์หรือเดาใจว่าคนที่หายไปจะเดินไปทิศทางใด แต่ก็มั่นใจว่าเมื่อช่วงวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา คนสูญหายน่าจะอยู่บริเวณดังกล่าว ในขณะที่ญาติของผู้สูญหายได้เข้าไปที่ปากถ้ำผาสาวโศก ที่คาดว่าผู้สูญหายจะเข้าไปและก็ทำพิธีขอขมาตามความเชื่อ โดยเมื่อวานเจ้าหน้าที่ได้ลงไปสำรวจในถ้ำ เป็นถ้ำขนาดเล็กประมาณ 50 เมตร ซึ่งสภาพในถ้ำไม่ใช่ที่ที่คนจะอยู่ได้ เพราะมืดแคบและร้อนมาก อากาศเบาบาง

ขณะที่ นางมะลิ เทอำรุง อายุ 53 ปี น้าของผู้สูญหาย พร้อมนายแสงอุทัย โทษาธรรม และนางนางระพิณ โทษาธรรม พ่อและแม่ผู้สูญหาย และญาติ ทันที่ที่ทราบข่าวลูกชายหลงป่า ได้พากันเดินทางจากบ้านม่วงไข่น้อย ต.ด่านม่วงคำ อ.โคกสี จ.สกลนคร มายังป่าชายแดนที่เกิดเหตุเร่งด่วนตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค. เพื่อช่วยกันตาหา โดยแต่ละวันจะอาศัยพักนอนตามวัด เป็นที่น่าสงสาร ก่อนที่จะออกไปตามหาลูกชายและหลานชาย และในเช้าวันนี้ก็ได้พากันนำเครื่องเซ่นไหว้ บวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อ ที่บริเวณหน้าปากถ้ำผานางโศก ในพื้นที่ป่าห่างจากสำนักสงฆ์เขาแหลมประมาณ 2 กิโลเมตร เพื่อให้ได้เจอ และได้ไปดูหมอดูก็บอกว่าวันที่ 7 ของการสูญหายจะคืนลูกให้

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

นางมะลิ เปิดเผยว่า ขณะนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าหลานชายเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร เพราะไม่กลับบ้านมา 2 ปีแล้ว มาทำงานอยู่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งและลาออก มาอยู่กับเพื่อนที่อำเภอกระสัง และกลายเป็นเหมือนคนทรงเจ้า จนกระทั่งมาเข้าป่าแล้วหายไป เป็นเวลา 6 วันแล้ว ที่ยังตามไม่พบ เป็นห่วงเพราะร่างกายไม่แข็งแรงและไม่รู้จะกินอะไร ก็จะเฝ้าติดตามค้นหาไปจนกว่าจะพบ


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน