เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 60 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนางอ้อม (นามสมมติ) อายุ 42 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในห้องเช่าแห่งหนึ่ง จ.นครราชสีมา ว่า ลูกสาววัย 17 ปี ของตนเองถูกนายอดิศักดิ์ โพธิ์จักร อายุ 28 ปี จ.ชัยภูมิ หนุ่มบริษัทสินเชื่อแห่งหนึ่ง ลวงไปกักขังหน่วงเหนี่ยวและล่วงละเมิดทางเพศ ภายในบริษัท ซึ่งตั้งอยู่บริเวณริมถนนมิตรภาพ ต.โนนทอง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา โดยเหตุเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม 2560 ซึ่งภายหลังจากที่เกิดเหตุ น.ส.เตย (นามสมมติ) ลูกสาววัย 17 ปี ยังถูกขู่ว่าไม่ให้ไปบอกใคร หากไปบอกจะฆ่าให้ตาย จนกระทั่งผ่านไป 1 สัปดาห์ มารดาของน้องเตยเห็นลูกสาวมีอาการซึมเศร้า ไม่ยอมไปโรงเรียน จึงได้เค้นหาความจริงจนทราบเรื่องราวทั้งหมด

 

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา นางอ้อมมารดาน้องเตยได้ติดต่อให้ผู้ปกครองฝ่ายชาย ให้มาเจรจาที่จะชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 200,000 บาท โดยวางเงินมัดจำไว้ให้ก่อน 50,000 บาท และทำสัญญาว่าจะจ่ายที่เหลืออีก 150,000 บาท ให้ครบภายในวันที่ 15 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมา จนล่าสุดขณะนี้ครอบครัวของฝ่ายชายยังไม่ติดต่อมา และทราบว่านายอดิศักดิ์ ผู้ก่อเหตุ ได้ย้ายไปทำงานที่สาขาอื่นแล้ว จึงได้ร้องเรียนสื่อมวลชนขอความเป็นธรรมในครั้งนี้

 

น.ส.เตย (นามสมมติ) สาววัย 17 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนนั้นเช่าหอพักอยู่กับครอบครัว 3 คน คือตน แม่ และน้องสาว ซึ่งเป็นผู้หญิงทั้งหมด ต่อมาเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคม 2560 มารดาของตนเองได้ไปทำเรื่องขอกู้เงินจำนวน 30,000 บาท กับบริษัทสินเชื่อแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่บริเวณริมถนนมิตรภาพ ต.โนนทอง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา เพื่อมาหมุนเวียนทำธุรกิจตัดไม้ยูคาลิปตัส อยู่ที่ จ.สระบุรี โดยมีตนเดินทางไปด้วย ซึ่งมีนายอดิศักดิ์ เป็นพนักงานดำเนินเรื่องให้ แต่เนื่องจากมารดาของตนเองต้องเดินทางไป จ.สระบุรี โดยไปเช้ากลับค่ำทุกวัน จึงได้ทิ้งเบอร์โทรศัพท์ของตนไว้ให้นายอดิศักดิ์

 

หลังจากนั้นนายอดิศักดิ์ ก็ได้โทรศัพท์มาพูดคุยในลักษณะจีบตลอดทุกวัน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2560 เวลาประมาณ 17.00 น. นายอดิศักดิ์ ก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์แวะมาหาที่หอพัก พร้อมกับชวนตนเองซ้อนท้ายไปซื้อกับข้าวที่ตลาด ในตัวเมืองสีคิ้ว ซึ่งขณะนั้นด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร แต่พอหลังจากกลับจากซื้อกับข้าวแล้ว นายอดิศักดิ์ ก็ทำทีว่าลืมของไว้ในออฟฟิต ขอเข้าไปเอาของในออฟฟิตก่อน เมื่อไปถึงออฟฟิตก็พาตนเข้าไปด้วย แต่เมื่อเข้าไปถึงห้องทำงาน นายอดิศักดิ์ ก็ได้เดินไปล็อคประตูเหล็กม้วน และเปิดล็อกประตูกระจกอีกชั้น ขณะเดียวกันตนก็สังเกตเห็นว่ากล้องวงจรปิดในออฟฟิต ถูกเสื้อคลุมไว้ทุกตัว จึงพยายามจะวิ่งหนีออกมา แต่ก็ถูกนายอดิศักดิ์ ใช้กำลังปลุกปล้ำจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง

 

หลังจากนั้นก็ได้ขู่กับตนว่า ห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร หากไปบอกจะตามไปฆ่าให้ตาย ก่อนที่จะนำตนเองมาส่งที่หอพักตอนประมาณ 20.00 น. โดยหลังจากที่เกิดเหตุนายอดิศักดิ์ ก็ไม่ได้ติดต่อมาอีกเลย ซึ่งตอนนั้นตนรู้สึกกลัวมาก กลัวว่าจะท้อง และกลัวจะถูกฆ่า จึงได้แต่ซึมเศร้าแอบร้องไห้อยู่คนเดียว ไม่กล้าบอกให้มารดาทราบ จนกระทั่งเวลาผ่านไป 1 สัปดาห์ จึงถูกมารดาเค้นถามจนต้องเล่าเรื่องราวให้ทราบทั้งหมด น.ส.เตย กล่าว

 

นางอ้อม (นามสมมติ) มารดา น.ส.เตย ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนเองนั้นหลังจากที่สามีเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน ตนจึงต้องรับภาระเป็นหัวหน้าครอบครัว เลี้ยงดูลูกสาว 2 คน โดยประกอบอาชีพรับเหมาตัดต้นยูคาลิปตัสขายอยู่ที่ จ.สระบุรี ซึ่งต้องเดินทางไปกลับเช้าเย็นทุกวัน สำหรับลูกสาวคนเล็กเรียนอยู่ระดับมัธยมต้นที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในตัวอำเภอสีคิ้ว ส่วนลูกสาวคนโตคือน้องเตย อายุ 17 ปี กำลังเรียนอยู่ระดับมัธยมปลาย ในศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (ก.ศ.น.) อำเภอสีคิ้ว ด้วยความที่ตนมีลูกสาวทั้งคู่จึงพยายามดูแลอย่างดี เพราะทราบดีว่าทุกวันนี้สังคมมีอันตรายอยู่รอบข้าง แต่หลังจากที่เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา ตนก็ได้สังเกตเห็นว่าลูกสาวคนโตของตนเองมีอาการซึมเศร้า ไม่ค่อยร่าเริงเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา อีกทั้งไม่ยอมออกจากไป และไม่ยอมไปโรงเรียนเลย ตนจึงได้พยายามเค้นถามจนลูกสาวยอมเปิดปากเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง

 

“ครั้งแรกที่รู้เรื่องตนถึงกับเป็นลมล้มทั้งยืน ไม่นึกว่าเรื่องร้ายๆ จะเกิดขึ้นกับครอบครัวของตนเอง จึงได้พยายามติดต่อไปที่บริษัทสินเชื่อ ที่นายอดิศักดิ์ ทำงานอยู่ และได้ติดต่อไปที่ผู้ปกครองของนายอดิศักดิ์ ซึ่งอยู่ที่ จ.ชัยภูมิ เพื่อเตรียมที่จะแจ้งความดำเนินคดี แต่ฝ่ายผู้ปกครองของนายอดิศักดิ์ ขอร้องว่าอย่าแจ้งความ เพราะกลัวว่าลูกชายของตนเองจะถูกตำรวจจับดำเนินคดีจนเสียอนาคต เนื่องจาก น.ส.เตย (นามสมมติ) มีอายุยังไม่ถึง 18 ปี ซึ่งยังเป็นเยาวชนอยู่และเป็นข้อหาหนัก”ผู้ปกครองกล่าว

 

ดังนั้น ตนจึงให้โอกาสในการเจรจา จนผู้ปกครองฝ่ายชายยอมทำข้อตกลงที่จะจ่ายเงินเยียวยาค่าเสียหาย เป็นจำนวนเงิน 200,000 บาท โดยได้วางมัดจำไว้ก่อนจำนวน 50,000 บาท และส่วนที่เหลืออีก 150,000 บาท จะนำมาจ่ายให้ครบทั้งหมดภายในวันที่ 15 มีนาคม 2560 นี้ แต่ปรากฏว่าจนถึงขณะนี้ครอบครัวฝ่ายชาย ก็ยังไม่ติดต่อมาอีก ครั้งโทรศัพท์ไปทวงถาม ก็ปิดโทรศัพท์หนีทั้งหมด ดังนั้นตนจึงคิดว่าทางฝ่ายชายจะเบี้ยวชดใช้ค่าเสียหาย จึงได้ร้องสื่อเพื่อขอความเป็นธรรม และขอให้ช่วยตีแผ่เรื่องนี้ให้สังคมทราบ

 

นางอ้อม (นามสมมติ) กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ไป ตนก็จะไม่ให้โอกาสฝ่ายชายผู้ก่อเหตุอีกแล้ว โดยเตรียมที่จะรวบรวมพยานและหลักฐาน เพื่อเข้าไปแจ้งความที่ สภ.สีคิ้ว เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายอดิศักดิ์ ผู้ก่อเหตุข่มขืนลูกสาวของตนให้ถึงที่สุดต่อไป.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน