ครบรอบปีวาฬนำร่องกินขยะพลาสติกตาย ทส. วอนลด ละ เลิก ใช้พลาสติกและโฟม

จากเหตุการณ์พบวาฬนำร่องครีบสั้นลอยเข้ามาในคลองด้วยอาการอ่อนแรง ไม่สามารถดำน้ำได้ เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 61 ในทะเลอ่าวไทยบริเวณ อ.จะนะ จ.สงขลา โดยศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง จ.สงขลา ได้พยายามให้การรักษาและช่วยชีวิต ต่อมาวาฬตัวดังกล่าวเกิดอาการเกร็งตัว และสำรอกพลาสติกออกมา 4 ชิ้น ก่อนเริ่มมีอาการช็อค และได้ตายในวันที่ 1 มิ.ย. 61
ส่วนการพิสูจน์สาเหตุการตาย พบซากถุงพลาสติกที่อยู่ในท้องวาฬถึง 85 ชิ้น น้ำหนักรวมกว่า 8 กิโลกรัม ในกระเพาะอาหาร ทำให้ไม่สามารถย่อยอาหารได้เลย นับถึงวันนี้ ก็ครบรอบ 1 ปี กับการสูญเสียสัตว์ทะเลหายากในท้องทะเลไป ซึ่งกรณีดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจและเป็นข่าวโด่งดังไปทั้งโลก เมื่อปีก่อนนั้น
เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. นายวิจารย์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า กระทรวงฯ ได้เสนอแนวทางการจัดการขยะจากแหล่งกำเนิด การกำจัด และการแก้ไขปัญหาแบบองค์รวม โดยได้เสนอ Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561 – 2573 ต่อครม.ให้ความเห็นชอบ เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2562 ซึ่งได้ตั้งเป้าหมายในการลดและเลิกใช้พลาสติก บางประเภทภายในปี พ.ศ. 2562 เช่น พลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำดื่ม ด้วยการใช้วัสดุทดแทนที่เป็นมิตร ต่อสิ่งแวดล้อม และเลิกใช้พลาสติกประเภทถุงพลาสติกหูหิ้ว กล่องโฟมบรรจุอาหาร แก้วพลาสติก แบบบางใช้ครั้งเดียว และหลอดพลาสติกภายในปี 2565
รวมทั้งมีการกำหนดให้หน่วยงานต่าง ๆ ร่วมดำเนินการ ตลอดจนมีการกำหนดกลไกในการขับเคลื่อน เช่น สร้างความรู้ ความเข้าใจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความร่วมมือการดำเนินงานรณรงค์ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เป็นต้น
ทั้งนี้ ปลัดกระทรวง ได้กล่าวทิ้งท้าย ขอให้ประชาชน และทุกภาคส่วนช่วยกัน โดยเริ่มจากการปฏิเสธการรับถุงพลาสติก ใช้ถุงผ้า ลดการใช้พลาสติกชนิดใช้ครั้งเดียว เพื่อลดปัญหาและรักษาสิ่งแวดล้อมให้คงความสมบูรณ์และยั่งยืนต่อไป
“นอกจากแนวทางดังกล่าวแล้ว ผมอยากฝากไปยังพี่น้องประชาชนทุกท่านว่า จิตสำนึกของเราเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ไม่ว่ามาตรการใด จะมีบทลงโทษหนักเพียงใดหรือแนวฎิบัติอย่างไรก็ตาม หากทุกคนไม่ช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน หรือที่สาธารณะยังมีการใช้พลาสติกและโฟมอย่างฟุ่มเฟือย ทิ้งไม่เป็นที่เป็นทาง ผลกระทบนอกจากเกิดกับสัตว์ทะเลและสัตว์บกที่กินเข้าไปเพราะคิดว่าเป็นอาหารจนต้องตายเพราะย่อยไม่ได้แล้ว มนุษย์เราก็เป็นผู้ที่จะได้รับอันตรายจากพิษของขยะตกค้างที่อยู่ในระบบนิเวศนี้ด้วยเช่นกันทั้งทางตรงและทางอ้อม” ปลัดทส. กล่าวย้ำขอความร่วมมือ
อ่านข่าว เปิดใจทีมสัตวแพทย์ ช่วยชีวิตวาฬนำร่อง กินถุงพลาสติก 85 ชิ้น

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ส่วนนายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวเสริมว่า ทช. ได้ผลักดันให้สัตว์ทะเลหายากอีกหลายชนิด บรรจุเพิ่มเติมในพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 จนประสบความสำเร็จโดยได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ไปเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2562 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในอีก 180 วัน นับจากวันประกาศ
ทั้งนี้ สัตว์ทะเลหายาก ได้แก่ พะยูนที่ได้รับการขึ้นบัญชีอยู่ก่อนแล้ว ได้มีการประกาศเพิ่มเติมได้แก่ วาฬบรูด้า (Balaenoptera edeni) วาฬโอมูระ (Balaenoptera omurai) เต่ามะเฟือง (Dermochelys coriacea) และปลาฉลามวาฬ (Rhincodon typus) เพื่อสงวน รักษา และอนุรักษ์ไว้เพื่อเป็นมรดกแก่รุ่นลูกรุ่นหลานต่อไป
จึงขอให้ประชาชนให้ความสำคัญและเห็นคุณค่าของทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมกันอนุรักษ์และร่วมกันดูแล หากพบเห็นการเกยตื้นของสัตว์ทะเล การกระทำผิดใด ๆ หรือข้อเสนอแนะอันเป็นประโยชน์ สามารถแจ้งให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทราบได้ตลอด24ชั่วโมงและที่สำคัญคือโปรดช่วยกันลดการใช้พลาสติกและเลิกการใช้โฟม ก็จะเป็นการช่วยให้เกิดขยะทะเลน้อยลงและสัตว์ทะเลหายากต่างๆก็จะคงอยู่คู่ทะเลไทยไปอีกตราบนานเท่านาน
นายโสภณ ทองดี ผู้ตรวจราชการกระทรวง ในฐานะโฆษกประจำทส. กล่าวเสริมว่า นับจากเหตุการณ์ดังกล่าว กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เร่งขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อการอนุรักษ์ สงวน และรักษาชีวิตสัตว์ทะเลหายาก ไม่ใช่เพียงแค่วาฬนำร่องครีบสั้นเท่านั้น อีกทั้ง ได้ถอดบทเรียนเรื่องการแก้ไขปัญหาและการจัดการขยะที่ลงสู่ทะเล ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการตายของสัตว์ทะเลหายากด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน