ผัวหึงโหด ยิงเมียสาหัส โพสต์ภาพลงเฟซหลังก่อเหตุ ก่อนยิงตัวเองตายคาบ้าน
เมื่อเวลา 8.00 น. วันที่ 2 มิ.ย. ร.ต.อ.นิธินันท์ ศรีรุต ร้อยเวร สภ.มาบตาพุด จ.ระยอง รับแจ้งว่าเกิดเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ที่บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ต.มาบตาพุด อ.เมือง จึงประสาน แพทย์เวร รพ.เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯ และตำรวจวิทยาการ จ.ระยอง หน่วยกู้ภัยหลวงปู่ทิม อิสริโก รุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายสืบ สภ.มาบตาพุด
ที่เกิดเหตุพบศพผู้ชายใส่เสื้อยืดสีชมพู สวมกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินนอนเสียชีวิต ตรวจสอบพบรอยกระสุนถูกยิงเข้าตรงหน้าอกด้านซ้าย ตรงกับหัวใจ โดยพบอาวุธปืนขนาด.38 อยู่ข้างตัว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ใกล้กันพบร่างของผู้หญิงนอนหายใจรวยระรินมีเลือดไหลออกที่ปาก ตรวจสอบพบบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืน 1 นัด จึงรีบนำตัวส่ง รพ.กรุงเทพระยองทันที
นายกิตติศักดิ์ ทำนา อายุ 20 ปี พักอาศัยอยู่ด้วยกันในบ้านเกิดเหตุ กล่าวว่า ผู้ตายชื่อนายสุริยา ทิมพรมราช อายุ 40 ปี บ้านเดิมอยู่ต่งหวัดสระแก้ว ทำงานเป็นช่างเครื่องจักรอยู่ในโรงงานแห่งหนึ่ง ส่วนผู้หญิง ชื่อน.ส.คนึง มากเกย อายุ 34 ปี ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม ทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากัน ก่อนเกิดเหตุทั้งสองคนกลับจากรับประทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในช่วงดึก
นายกิตติศักดิ์ กล่าวต่อว่า กระทั่งตนกลับมาที่บ้านในช่วงเช้าได้เคาะประตูเรียกผู้ตายให้เลื่อนรถที่จอดขวางทางเข้าออก แต่ไม่มีเสียงตอบรับ จึงงัดประตูบ้านเข้าไปเพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น จนพบผู้ชายตายแล้วส่วนผู้หญิงยังมีลมหายใจอยู่ จึงรีบโทรแจ้งตำรวจและประสาน รถรพ.กรุงเทพรยองให้มารับตัวผู้บาดเจ็บ
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
สำหรับทั้งสองมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง เพราะฝ่ายชายมักจะหึงหวงภรรยา คิดว่าภรรยามีชายอื่น และยังพบว่า ในโทรศัพท์มือถือของ นายสุริยา ผู้เสียชีวิต มีการโพสต์ข้อความว่า “ผลของคนเจ้าชู้หน้ามันเป็นอย่างนี้” และมีภาพใบหน้าของ น.ส.คนึง ที่มีคราบเลือดออกจากปาก คาดว่าพิมพ์และโพสต์หลังจากลงมือยิง น.ส.คนึง ก่อนจะยิงตัวดับ
เบื้องต้นจากการสอบสวนผู้ที่อาศัยอยู่ด้วยกัน และหลักฐานภายในที่เกิดเหตุ คาดเกิดจากความหึงหวงฝ่ายหญิง จะเห็นได้จากข้อความในโทรศัพท์ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องรอผลตรวจสอบลายนิ้วมือ เขม่าดินปืน จึงจะสรุปสาเหตุที่แท้จริงต่อไปสำหรับอาการของ น.ส.คนึง ขณะนี้ยังคงรับการรักษาจากแพทย์ ซึ่งอาการยังไม่พ้นขีดอันตราย เพราะเสียเลือดมาก ยังคงรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู