วันที่ 10 มิ.ย. จากกรณี น.ส.จินดารัตน์ อินทรสิงห์ อายุ 21 ปี และ นายบอย คงกระพันธ์ อายุ 25 ปี สองสามีภรรยา ร้องเรียนผู้สื่อข่าว ติดใจการให้การรักษาพยาบาลของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ใน จ.ชลบุรี หลังจากที่เกิดอาการปวดท้องใกล้คลอดและเดินทางไปรักษาเนื่องจากฝากท้องไว้ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ปรากฏว่าได้รับแจ้งว่าลูกมีอายุครรภ์เพียง 33 สัปดาห์ จึงถือว่ามีความเสี่ยงเพราะยังไม่ได้กำหนดคลอดและต้องใช้ตู้อบ ซึ่งโรงพยาบาลมีไม่เพียงพอ ขณะที่ปากช่องคลอดของแม่ก็ยังไม่พร้อมจึงต้องนอนรอ

กระทั่งรู้สึกเจ็บท้องมากและมีเลือดไหลออกทางช่องคลอด ทางโรงพยาบาลจึงแจ้งว่าจะส่งตัวไปรักษาต่อที่ ร.พ.สมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา โดยจะทำใบส่งตัวให้ แต่สุดท้ายก็ไม่ยอมจัดรถไปส่งกลับให้สามีพาขี่รถจยย.ไปเองจนสุดท้ายลูกก็เสียชีวิต โดยแพทย์แจ้งว่าที่เด็กเสียชีวิตเพราะเลือดในน้ำคร่ำไหลออกเกิน 40 เปอร์เซ็นต์ เด็กจึงขาดออกซิเจน และแพทย์ก็ไม่แนะนำให้มีลูกได้อีก เนื่องจากมีความดันสูงและครรภ์เป็นพิษ จึงรู้สึกติดใจโรงพยาบาลดังกล่าวเป็นอย่างมาก ว่าทำไมไม่ทำเรื่องส่งตัวในการย้ายโรงพยาบาล ทั้งที่เห็นว่าก็มีอาการหนัก มีเลือดไหลมาก แต่กลับให้ขี่รถจยย.ย้ายโรงพยาบาลเอง

ล่าสุดวันนี้ (10 มิ.ย.) โรงพยาบาลดังกล่าว ได้เชิญตัว น.ส.จินดารัตน์ และ นายบอย มาอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมีแพทย์เวรและเจ้าหน้าที่บางส่วนเข้าร่วมพูดคุย โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง น.ส.จินดารัตน์ ก็ออกมาเปิดเผยว่า ลูกที่เสียชีวิตเป็นคนที่ 2 คนแรกก็คลอดที่โรงพยาบาลแห่งนี้และก็มีสุขภาพดี แต่วันเกิดเหตุรู้สึกปวดท้องหนักมาก ขณะที่การอธิบายของโรงพยาบาลก็แจ้งว่ายังไม่ถึงกำหนดคลอด เพราะมดลูกยังเปิดปากช่องคลอดไม่ถึงกำหนด อีกทั้งครรภ์มีอายุน้อย ซึ่งเฉลี่ยแล้ว 33 สัปดาห์ควรจะมีน้ำหนักตัว 1.7 กิโลกรัม แต่เด็กในครรภ์มีน้ำหนักพียง 1.3 กิโลกรัมเท่านั้น จึงถือว่ามีความเสี่ยง

ก่อนจะแจ้งให้ไปรักษาต่ออีกโรงพยาบาลที่มีใบประกันสังคมอยู่ แต่สุดท้ายลูกก็มาเสียชีวิต โดยทางโรงพยาบาลแจ้งแค่รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และผิดพลาดเรื่องของระบบการส่งตัวคนไข้ โดยแจ้งว่าจะปรับปรุงและพร้อมจะให้การช่วยเหลือแต่ก็ไม่ทราบได้ว่าจะช่วยอย่างไร เพราะเสียลูกไปทั้งคน ส่วนที่ติดใจนั้นคงไม่ใช่เรื่องที่ลูกเสียชีวิต เพราะเข้าใจขั้นตอนทางการแพทย์ แต่ทำไมทั้งๆ ที่เจ็บหนักขนาดนี้จึงปล่อยให้ไปกันเองโดยลำพัง และการพูดจาของทางโรงพยาบาลก็ไม่ดีกับคนไข้เลย

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ขณะที่ทางโรงพยาบาลแจ้งว่า วันเกิดเหตุแม่ของเด็กปวดท้องก็นำส่งเข้าห้องฉุกเฉิน แต่ตรวจแล้วพบว่าปากมดลูกยังไม่เปิด หรือไม่พร้อม เนื่องจากเป็นการคลอดก่อนกำหนด ที่สำคัญโรงพยาบาลมีตู้อบเด็กเพียง 4 ตู้ที่ใช้งานจนหมดแล้ว เกรงว่าจะเกิดปัญหาเนื่องจากเด็กตัวเล็กมาก จึงให้นอนพักรอเพื่อให้ถึงเวลาแต่แม่เด็กทนไม่ไหวและแจ้งว่ามีเลือดไหลออกตลอดเวลา ทางพยาบาลเวรจึงแจ้งให้รีบไปรักษาต่อที่ ร.พ.สมเด็จฯ ซึ่งมีอุปกรณ์พร้อมมากกว่า แต่ก็ยอมรับว่าอาจมีความผิดพลาดเรื่องของระบบการส่งตัวคนไข้ และการอธิบายของพยาบาลซึ่งได้เรียกมาพูดคุยแล้ว โดยทางโรงพยาบาลยินดีให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และจะให้ผู้อำนวยการมาแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงให้รับทราบอีกครั้ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน