จากกรณี น.ส.ศศิธร ชูจิต อายุ 30 ปี อ้างว่าถูกป้ายยาแล้วมีคนลักพาตัวลูกชายวัย 1 เดือน 8 วันไป เหตุเกิดบนถนนชนเกษมขาออกเมือง ใกล้ห้างสรรพสินค้าแม็คโคร เขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี จากนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งโทรมาหาสามาของ น.ส.ศศิธร ว่าแจ้งความทำไมในเมื่อตกลงกันแล้วและเด็กก็เป็นลูกของตนที่นำมาฝากเลี้ยงไว้ขณะนี้ได้นำกลับมาถึงจังหวัดตรังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สร้างความงุนงงให้กับสองสามีภรรยาเป็นอย่างมาก เหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา (10 มิ.ย.) ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น อ่านข่าว แม่โวยโดนวางยาก่อนรู้อีกทีลูกหายจากรถ ตร.เร่งล่าสาว โทรอ้างเป็นลูกตัวเอง!
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 17.00 น. วันเดียวกัน ชุดสืบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ได้ประสานหญิงสาวรายหนึ่งที่ได้โทรศัพท์มา จนทราบชื่อคือ น.ส.อิงอร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี ชาว จ.ตรัง ที่อ้างว่าพาเด็กไป จึงได้ประสานไปยัง สภ.กันตัง จ.ตรัง ส่งตัว น.ส.อิงอร พร้อมเด็กเดินทางมายัง สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี
ในขณะที่ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ชุดสืบสวนและพนักงานสอบสวน ได้สอบปากคำ น.ส.ศศิธร พร้อมสามี เพิ่มเติม โดย น.ส.ศศิธร ยอมรับสารภาพว่า เด็กชายคนดังกล่าว ไม่ใช่ลูกชายที่แท้จริงของตน ซึ่งตนได้ตั้งครรภ์และแท้งลูก ด้วยความกลัวครอบครัวสามีเสียใจและผิดหวัง และเมื่อใกล้ถึงกำหนดคลอด ได้รู้จักกับแม่ของเด็กที่ประสงค์จะหาผู้เลี้ยงดูลูกเนื่องจากมีปัญหาครอบครัว จึงสวมรอยว่าเด็กเป็นลูกของตน
ต่อมาเมื่อเวลา 21.23 น. น.ส.อิงอร แม่ของเด็ก ได้เดินทางมาถึง สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี พร้อมลูกชาย มาพบพนักงานสอบสวน โดยมีเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานีร่วมรับฟังด้วย โดย น.ส.อิงอร ยืนยันว่าเรื่องป้ายยาไม่เป็นความจริง และได้มีการนัดแนะมาดูลูกชายก่อนที่จะรับตัวกลับไป ซึ่งการที่ตนเดินทางมา สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี นั้น เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ว่าเด็กคนดังกล่าวเป็นลูกของตน พร้อมนำใบสูติบัตรแจ้งเกิดและหลักฐาน การคุยผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์มาแสดงต่อหน้าเจ้าหน้าด้วย
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
ด้าน พ.ต.อ.ศิริชัย ทรงวศิน ผกก.สภ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุดังกล่าว ชุดสืบสวนได้เร่งคลี่คลายคดี และล่าสุด น.ส.อิงอร ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนพร้อมยืนยันว่าเป็นลุกของตนเอง พร้อมแสดงหลักฐานต่างๆ อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวน จะนำบุคคลทั้ง 5 คน ไปตรวจดีเอ็นเอ ตามคำสั่งของ พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เพื่อให้เกิดความกระจ่างชัดที่สุด แม้ว่าทั้งหมดจะให้การไปทางเดียวกันว่าเป็นลูกของใคร พร้อมสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป
