ระดมกู้ภัย ค้นหา3ช.ม. ช่วยหนุ่มเมียนมา เมายาไอซ์ ติดเขาตาม่องลาย

ติดเขาตาม่องลาย / เมื่อค่ำวันที่ 14 มิ.ย. ศูนย์วิทยุกู้ภัยมูลนิธิสว่างประจวบธรรมสถาน รับแจ้งจากนายสมบัติ จันทร์เพชร ประธานชุมชนม่องล่าย เทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์

แจ้งขอความช่วยเหลือว่า ชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่เชิงเขาได้ยินเสียงคนร้องขอความช่วยเหลือมาจากด้านบนเขาตาม่องล่าย คาดว่าน่าจะมีคนติดค้างอยู่ซ้ำรอยกับนักท่องเที่ยวหลายรายที่เคยลอบเดินขึ้นไปบนเขาสุดท้ายหาทางลงไม่ได้

เจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิสว่างประจวบธรรมสถาน จึงจัดทีมค้นหากว่า 20 นาย พร้อมอุปกรณ์ส่องสว่าง ร่วมกับเจ้าหน้าที่วนอุทยานแห่งชาติเขาตาม่องล่าย เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตป่าสงวนและตั้งอยู่ในเขตอุทยานฯอีกด้วย โดยมีนายภิรมย์ นิลยา รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เดินทางมาติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดและเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ค้นหาผู้สูญหายในครั้งนี้

เบื้องต้นพบว่าจุดที่คาดว่าบุคคลดังกล่าวน่าจะใช้เป็นเส้นทางเดินขึ้นไปบนเขา อยู่บริเวณ หมู่ที่2 บ้านอ่าวน้อย ซึ่งพื้นที่โดยรอบเป็นเขตป่ามีต้นไม้ขึ้นหนาแน่น ส่วนใหญ่เป็นต้นไม้ที่ขึ้นบนภูเขาหินปูน ที่สำคัญมีต้นสลัดไดที่มีหนามแหลมคม ขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งพื้นที่ดังกล่าวไม่มีแสงสว่าง ทำให้การค้นหาในเวลากลางคืนเป็นไปด้วยความยากลำบาก

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

เจ้าหน้าที่ทีมค้นหาแบ่งกำลังเป็นชุดๆ เดินเกาะกลุ่มกัน พยายามตระโกนร้องเรียกพร้อมส่งไฟฉายเป็นเส้นทางเพื่อให้บุคคลที่ติดอยู่บนเขาได้เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่มาช่วย ใช้เวลาตะโกนร้องเรียกอยู่นาน จึงจะมีเสียงตะโกนตอบรับ แต่ไม่สามารถตรวจสอบพิกัดของเสียงที่ชัดเจน

หลังใช้เวลาในการค้นหาไปแล้วนานกว่า 1ชั่วโมงแต่ยังไร้วี่แวว เจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างประจวบธรรมสถาน จึงได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ , ฝ่ายปกครอง และ อส. อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ , ทหารกองร้อยรักษาความสงบ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ , ตำรวจ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ สนับสนุนทีมค้นหาเพิ่มเติมอีกกว่า 50 คน

โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดการณ์ว่าน่าจะมีบุคคลที่ติดค้างอยู่บนเขา ประมาณ 3 คน โดยประเมินจากเสียงที่ตะโกนตอบกลับเจ้าหน้าที่กลับมา มีทั้งภาษาไทยและภาษาเมียนมา โดยเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังค้นหาเพิ่มมากขึ้นโดยส่งเสียงและสัญญาณไฟเช่นเดิม

กระทั่งพบว่ามีแรงงานชาวเมียนมา จำนวน 1 คน ได้วิ่งลงมาจากเขาตามเสียงและแสงไฟของเจ้าหน้าที่กู้ภัย สภาพร่างกายอิดโรย หิวน้ำ ตามตัวมีบาดแผลขีดขวดของหนาม สวมกางเกงสี่ส่วนสีดำ ไม่สวมเสื้อ ทราบชื่อต่อมาคือ นายอู อายุ 35 ปี รวมเวลาค้นหาและให้การช่วยเหลือในครั้งนี้ราว 3ชั่วโมง

ทั้งนี้ นายภิรมย์ นิลยา รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้พูดคุยสอบถาม นายอู พบว่ามีอาการพูดจาวกวน ไม่ค่อยรู้เรื่อง จนกระทั่งสามารถสอบถามจนได้ความเบื้องต้นว่า ขึ้นไปบนเขาเพียงคนเดียว โดยที่นายอูนั้นเป็นลูกเรือประมงของเรือประมงพรนิชาศิริ 2 เดินทางมาจากมหาชัย จ.สมุทรสาคร เพิ่งมาเทียบเรือที่ท่าเรืออ่าวน้อย ได้เพียงไม่กี่วัน และมีปัญหาเรื่องทำผู้หญิงท้อง

ซึ่งยืนยันว่าตนเองไม่ได้ทำ ทำให้เกิดปัญหาระหว่างตนเองกับไต๋เรือ และถูกผู้ชาย 4 คนไล่ตาม ด้วยความหวาดกลัวจึงหนีขึ้นเขาตาม่องล่ายไปเรื่อยๆตั้งแต่เช้า กระทั่งเย็นไม่สามารถจำทางลงได้จึงได้พยายามร้องเรียกให้คนช่วยอยู่นานไม่มีใครได้ยิน จนกระทั่งมึดค่ำจึงมีคนได้ยินและมาช่วยดังกล่าว

จากนั้นเจ้าหน้าที่นำตัวนายอูไปตรวจหาสารเสพติด ที่ว่าการอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ พบสารเสพติดเมทเอมเฟตามีน และสารเสพติดกัญชา ซึ่งนายอูกล่าวยอมรับว่าได้ซื้อยาไอซ์เสพเป็นเงิน 200 บาท ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ระบุว่า นายอูไม่อยู่ในสภาพปกติ เนื่องจากเสพยาเกินขนาดทั้งยาไอซ์และกัญชา จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์ หรือ เมทแอมเฟตามีน) และยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา)

ทางด้านนายพงศธร พร้อมขุนทด หัวหน้าวนอุทยานเขาตาม่องล่าย กล่าวว่า ใน เดือนมกราคม 2558 มีนักท่องเที่ยวสัญชาติเยอรมัน ลอบเดินขึ้นเขาแล้วไม่สามารถลงมาได้จำนวน 1 ราย ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ปีเดียวกัน มีนักท่องเที่ยวชาวไทย ติดเขาตาม่องล่ายเช่นเดียวกัน เพราะลักลอบขึ้นเขาไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งทั้งสองเคสใช้เวลาในการค้นหานานข้ามวันจึงช่วยเหลือลงมาได้สำเร็จ

ต่อมาปลายปี 2561 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ 2คน ชายหญิง ลอบขึ้นเขาโดยไม่ฟังคำอธิบายจากเจ้าหน้าที่ว่าไม่อนุญาตให้ขึ้นไปบนเขา กระทั่งสามารถติดตามตัวกลับลงมาได้อย่างปลอดภัย และครั้งนี้ถือเป็นเคสที่ 4แล้ว เป็นชายชาวเมียนมา ที่ลอบขึ้นเขาตาม่องล่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

ทั้งนี้ที่ผ่านมาทางวนอุทยานเขาตาม่องล่ายได้ชี้แจงนักท่องเที่ยวและชาวบ้านมาโดยตลอดว่าไม่สามารถอนุญาตให้ขึ้นเขาตาม่องล่ายได้เนื่องจากเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติประกอบกับไม่ได้เปิดให้บริการด้านการท่องเที่ยว พื้นที่ด้านบนเป็นป่ารก มีต้นไม้ที่มีลักษณะหนามแหลมคมจำนวนมาก

อีกทั้งเป็นภูเขามีหน้าผาสูงชัน เสี่ยงต่อการเกิดอันตราย การลักลอบเข้าพื้นที่อุทยานฯ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่มีความผิดตามกฎหมาย ซึ่งจากนี้ทางอุทยานฯจะดำเนินการตามระเบียบของกรมอุทยานฯ ด้วยดำเนินคดีตามกฎหมายกับบุคคลที่ลักลอบขึ้นเขาทุกราย

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน