วันที่ 20 มี.ค. ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ ขลิบเงิน รอง ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.คธาธร คำเที่ยง ผกก.ตม.ชลบุรี พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 2 และเทศบาลเมืองพัทยา แถลงผลการระดมกวาดล้างแก๊งมาเฟียและกลุ่มผู้มีอิทธิพลต่างชาติ ตั้งตัวเป็นขาใหญ่ ข่มขู่ คุกคาม เกี่ยวพันธุรกิจมืดตามแหล่งท่องเที่ยว โดยสามารถจับกุมชาวรัสเซียและชาวยุโรปตะวันออกได้จำนวนมาก ซึ่งมีทั้งอาชญากรข้ามชาติหนีคดีรวมอยู่ด้วยหลายคน โดยจับกุมได้ที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี

พล.ต.ท.ณัฐธร กล่าวว่า ตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในการปราบปรามกลุ่มผู้มีอิทธิพล แก๊งมาเฟียต่างชาติ ที่เข้ามาสร้างความเดือดร้อน และกระทบความมั่นคงของประเทศ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ สตม. กวดขันจับกุมอย่างจริงจัง ตนจึงได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัด สืบสวน หาข่าว และประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งตำรวจภูธรภาค 2 และเมืองพัทยา สนธิกำลังกวาดล้างคนต่างชาติผิดกฎหมาย ที่ตั้งเป็นกลุ่มแก๊งอิทธิพลและประสานข้อมูลกับทูตตำรวจของแต่ละประเทศและตำรวจสากลอย่างใกล้ชิด จนนำไปสู่การจับกุมคนต่างชาติผิดกฎหมายได้เป็นจำนวนมาก

ได้แก่ชาวรัสเซีย 6 ราย, ยูเครน 1 ราย, เบลารุส 1 ราย, อุซเบกิสถาน 4 ราย, โมร็อคโค 1 ราย และอิหร่าน 1 ราย รวมทั้งสิ้น 14 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีอาชญากรชาวรัสเซียหนีคดีสำคัญ ที่มีทั้งหมายจับของตำรวจรัสเซียและหมายจับตำรวจสากลในคดีที่เกี่ยวยาเสพติดและคดีการเงินรวมอยู่ด้วย บุคคลเหล่านี้เข้ามาตั้งแก๊งลักลอบทำงานและประกอบธุรกิจมืดที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร, สถานบันเทิง, ธุรกิจให้เช่ารถ, จัดหาหญิงจากยุโรปตะวันออกเพื่อการค้าประเวณี และยาเสพติด มีสมุนคอยติดตาม อาชญากรข้ามชาติรัสเซียที่มีหมายจับตำรวจรัสเซียและหมายแดงตำรวจสากลรายสำคัญ ประกอบด้วย

รายแรกนายอเล็กซานเดอร์ ดานีลอฟ อายุ 43 ปี สัญชาติรัสเซีย เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนหาข่าวผู้มีอิทธิพลต่างชาติ จนกระทั่งได้ข้อมูลว่านายอเล็กซานเดอร์ มีพฤติการณ์ตรงตามที่สายข่าวรายงานมา ตั้งตัวเป็นมาเฟียในพื้นที่พัทยา มีลูกสมุนในแก๊งหลายคน เกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด พบประวัติเคยถูกจับกุมและดำเนินคดีข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติดมาก่อน นอกจากนี้ยังพบว่าถูกทางการรัสเซียออกหมายจับ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมจนได้ข้อมูลแน่ชัด จึงได้เข้าควบคุมตัวได้ในพัทยา จ.ชลบุรี จากการซักถามนายอเล็กซานเดอร์ รับว่าตนเคยถูกจับในคดียาเสพติดมาก่อน และหลบหนีคดีมาอยู่ตามแหล่งท่องเที่ยวในพัทยาและภูเก็ต ถือได้ว่าบุคคลดังกล่าวมีพฤติการณ์เป็นภัยสังคม เข้าลักษณะต้องห้าม จากข้อมูลการเดินทางเข้า-ออกพบว่า นายอเล็กซานเดอร์ เข้ามาและได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยได้ถึงวันที่ 29 พ.ค.55 ปัจจุบันอยู่เกินกำหนด เป็นระยะเวลาถึง 4 ปี 7 เดือน 18 วัน จึงได้แจ้งข้อหา “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

รายที่สองนายมิคาอิล กรีเวนท์ซอฟ สัญชาติรัสเซีย บุคคลตามหมายจับตำรวจสากลในข้อหา “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษด้วยผิดกฎหมาย (เฮโรอีน)” คดีนี้ สตม.ได้รับการประสานจากสถานทูตรัสเซียประจำประเทศไทยว่ามีบุคคลที่ทางการรัสเซียต้องการตัวหลบหนีเข้ามาในประเทศ และตั้งตัวเป็นผู้มีอิทธิพลในเมืองพัทยา เมื่อทีมสืบสวน สตม.ร่วมกับตำรวจภูธรภาค 2 ลงพื้นที่หาตัว เป้าหมายจึงหลบหนีออกจากพัทยาไปจังหวัดอื่น ก่อนถูกจับกุมตัวได้ที่ จ.เลย นายมิคาอิล เดินทางเข้า-ออกประเทศไทย จำนวน 4 ครั้ง ล่าสุดเดินทางเข้ามาทางสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ด่านตรวจคนเข้าเมืองจ.หนองคาย เมื่อวันที่ 18 ก.ย.58 ได้รับอนุญาตให้อยู่ถึงวันที่ 11 มิ.ย.59 ปัจจุบันอยู่เกินกำหนดอนุญาต มากว่า 9 เดือน เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหา “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

รายที่สามนายอันทอน ฟีลิพพอฟ สัญชาติรัสเซีย เป็นบุคคลที่ทางการรัสเซียต้องการตัวในคดี “จงใจไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลและหลบหนี” ปัจจุบันทางการรัสเซียได้เพิกถอนหนังสือเดินทาง จับกุมได้ที่พัทยา จ.ชลบุรี จากข้อมูลการเดินทางเข้า-ออก พบว่า เดินทางเข้า-ออกประเทศไทย จำนวน 8 ครั้ง ล่าสุดเดินทางเข้ามาทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 1 ก.พ.60 ได้รับอนุญาตให้อยู่ถึงวันที่ 30 เม.ย.60 สตม.ได้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

รายที่สี่ถือเป็นรายสำคัญนายเซอเก้ มารีฟ สัญชาติรัสเซีย บุคคลตามหมายจับตำรวจสากล และตำรวจรัสเซีย จากการสืบสวนทราบว่านายเซอเก้ ใช้ชีวิตแบบเพลย์บอยอยู่ในพัทยา คบหาและมีเพศสัมพันธ์กับหญิงไทยหลายคนตามแหล่งท่องเที่ยว ทั้งนี้ตรวจสอบพบว่านายเซอเก้เป็นบุคคลที่ติดเชื้อเอชไอวีอีกด้วย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงใช้สายลับหญิง ติดต่อผ่านแอพลิเคชั่นวอทแอฟและนัดหมายมาเจอเมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สืบสวนจึงได้แสดงตัว เพื่อขอตรวจสอบ นอกจากนี้ชุดสืบสวนยังได้ตรวจค้นในกระเป๋าสัมภาระ พบห่อยาเป็นจำนวนมาก

จากการสอบปากคำนายเซอเก้ รับว่าตนเป็นบุคคลตามหมายจับตำรวจสากลจริง ทั้งนี้นายเซอเก้ยอมรับว่าตนโรคติดต่อร้ายแรง หลบหนีจากรัสเซีย มาใช้ชีวิตเพลย์บอยในเมืองไทย เพราะไม่มีใครทราบเรื่องราวของตน จากข้อมูลการเดินทางพบว่าบุคคลดังกล่าวเดินทางเข้าราชอาณาจักรไทยหลายครั้ง ล่าสุดเดินทางเข้ามาทางด่านตรวจคนเข้าเมืองจ.หนองคาย เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.59 ด้วยวีซ่าประเภท นักท่องเที่ยว (60 วัน) ได้รับการอนุญาตอยู่ในราชอาณาจักรถึงวันที่ 27 ก.พ.60 สตม.ได้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

รายที่ 5-14 เป็นชาวรัสเซียและชาวยุโรปตะวันออกที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต อีกจำนวน 10 ราย ทั้งหมดถูกจับกุมในข้อหาต่างๆ เช่น ลักลอบทางาน, ทำงานผิดประเภท, อยู่เกินกำหนด และเป็นบุคคลที่มีพฤติการณ์ที่น่าเชื่อว่าจะเป็นภัยต่อสังคม

พล.ต.ท.ณัฐธร กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาสตม.ได้รับข้อมูลจากการสืบสวนและจากประชาชนตามจังหวัดหัวเมืองท่องเที่ยว เกี่ยวกับแก๊งมาเฟียต่างชาติโดยเฉพาะคนรัสเซีย ได้เข้ามาทำธุรกิจแย่งอาชีพคนไทย เปิดสถานบริการ บาร์เบียร์ ร้านขายของ ให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยกัน มีการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค กระทบถึงภาพลักษณ์และชื่อเสียงของประเทศไทย นอกจากนี้ยังตั้งตนเป็นขาใหญ่ ข่มขู่ คุกคาม คนต่างชาติด้วยกันเอง และสร้างความเดือดร้อนให้คนไทยและชาวต่างชาติ เกี่ยวข้องกับธุรกิจมืด อาทิ ขบวนการยาเสพติด, หลอกลวงและจัดหาหญิงต่างชาติ มาเพื่อให้บริการทางเพศ ซึ่งเป็นต้นเหตุของอาชญากรรมที่เกิดขึ้นตามแหล่งท่องเที่ยวที่ผ่านมา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน