ผู้กอง เครียด! เขียนจดหมายระบายความอัดอั้น 3 หน้ากระดาษ ถูกย้ายไม่เป็นธรรม ก่อนคว้า 9 ม.ม. ยิงตัวตายคาบ้าน เมียสุดเศร้า โวยใส่หน้ารองผกก. ลั่นตัดขาดจากวงการสีกากี

เมื่อเวลา 00.10 น. วันที่ 27 มิ.ย. พ.ต.ท.อติชาติ พรฑิตกุล รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.มาบอำมฤต รับแจ้งเหตุตำรวจยิงตัวตายภายในบ้านพัก ม.12 ต.ดอนยาง อ.ปะทิว จ.ชุมพร จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.เสกสิทธิ์ สุวรรณฤทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร, พ.ต.ท.ประพาส รอดเกลี้ยง รอง ผกก.(ป), พ.ต.ท.บุญเชต กัลปหา รอง ผกก.ส.ส., ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน, แพทย์เวรโรงพยาบาลมาบอำมฤต, หน่วยกู้ภัยปะทิว และหน่วยกู้ชีพเทศบาลมาบอำมฤต

ที่เกิดเหตุอยู่ห่างจาก สภ.มาบอำมฤต ประมาณ 500 เมตร เป็นบ้าน 2 ชั้นหลังใหญ่อยู่ติดกับถนนคอนกรีต ตรวจสอบบริเวณห้องนอนชั้น 2 พบศพ ร.ต.อ.พิเชษฐ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี สภาพศพนุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีดำ ใส่เสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีขาว นอนเสียชีวิตอยู่บนที่นอน มีบาดแผลถูกยิงที่ขมับขวาทะลุขมับซ้าย กระสุนพุ่งขึ้นไปเจาะเพดานห้องเป็นรู 1 รู มือขวากำปืนสั้นขนาด 9 ม.ม. กระสุนในรังเพลิงถูกยิงออกไปแล้ว 1 นัด มีหมอนเปื้อนเลือดตกอยู่ข้างศพ 1 ใบ มีร่องรอยกระสุนปืนจ่อยิงจนทะลุ บนหัวเตียงนอน และพบวิทยุสื่อสารวางอยู่ 1 เครื่อง

นอกจากนี้ ยังพบสมุดบันทึกที่ ร.ต.อ.พิเชษฐ์ เขียนข้อความระบายความในใจไว้ 3 หน้ากระดาษ ระบุถึงสาเหตุที่ยิงตัวตาย มาจากคำสั่งถูกย้ายจากงานสายป้องกันและปราบปราบ ไปอยู่ในตำแหน่งงานสอบสวนอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม เจ้าหน้าที่จึงเก็บสมุดบันทึกดังกล่าวไว้เป็นหลักฐาน พร้อมส่งศพไปชันสูตรอย่างละเอียดที่โรงพยาบาล

จากการสอบสวนทราบว่า ช่วงเกิดเหตุร.ต.อ.พิเชษฐ์ ออกเวรจาก สภ.มาบอำมฤต เดินทางกลับเข้าบ้าน หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าได้เข้าไปเก็บตัวเงียบอยู่ในห้องนอนเพียงคนเดียว โดยชั้นบนของบ้านปิดไฟมืดสนิท ขณะที่ลูกสาวคนโต อายุ 14 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.1 นั่งทำการบ้านอยู่ชั้นล่าง ส่วนภรรยาและลูกชายวัย 9 ขวบ เดินออกไปหาพี่ชาย ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 400 เมตร

จากนั้นไม่นานมีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด แต่เสียงไม่ดังมากนัก ลูกสาวที่นั่งทำการบ้านอยู่เข้าใจว่าเป็นเสียงท่อรถจักรยานยนต์ ต่อมาจึงเอะใจว่าทำไม่พ่อปิดไฟในห้องและชั้น 2 บนบ้จนมืดสนิท จึงโทรศัพท์ไปบอกแม่ให้รีบกลับมาดู และเมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปดูก็พบว่า ร.ต.อ.พิเชษฐ์ ยิงตัวตายแล้ว

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

นางแอนนา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี ภรรยาผู้ตาย กล่าวกับ พ.ต.อ.เสกสิทธิ์ สุวรรณฤทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร ถึงเหตุสามียิงตัวตายว่า มาจากความเครียดในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา หลังมีคำสั่งย้ายสามีจากตำแหน่งรองสารวัตรป้องกันและปราบปราม ไปอยู่ตำแหน่งรองสารวัตรสอบสวน เป็นการย้ายจากงานถนัดไปอยู่งานไม่ถนัด โดยไม่เคยสอบถามใดๆ ทั้งสิ้น คิดจะย้ายใครก็ย้ายโดยไม่รู้ถึงปัญหา ตนขอตัดขาดวงการตำรวจนี้อย่างเด็ดขาด จะไม่ขอเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น

นางแอนนา กล่าวต่อว่า สามีเป็นรักครอบครัว สนุกสนาน ร่าเริง มีอัธยาศัยดี เพื่อนร่วมงานและชาวบ้านรัก แต่หลังจากมีคำสั่งย้ายในช่วงกว่า 3 เดือนที่ผ่านมา สามีกลายเป็นคนเครียด เก็บกด เก็บตัว ไม่สุงสิงกับใคร เปลี่ยนไปเป็นคนละคน และมักพูดจาตัดพ้อกับตนและเพื่อนๆ ทุกวันเกี่ยวกับตำแหน่งที่ถูกปรับย้ายว่าไม่ถนัด ไม่เป็นงานสอบสวน

“ฝากถามไปถึงผู้ใหญ่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าการโยกย้ายตำรวจแต่ละครั้งคิดจะย้ายใครไปอยู่ตรงไหนก็ได้ใช่มั้ย โดยไม่เคยสอบถามผู้ถูกย้ายว่ามีความสามารถด้านใด ทำงานอะไรได้บ้าง เคยรู้ปัญหาเหล่านี้หรือไม่ ไม่ใช่คิดแต่จะหาผลประโยชน์วิ่งเต้นตำแหน่งกัน คำสั่งโยกย้ายครั้งนี้กลายเป็นคำสั่งตายทำลายครอบครัวดิฉัน ลูกๆ ทั้ง 2 คนต้องกำพร้าพ่อตั้งแต่ยังเด็ก ขาดเสาหลักของครอบครัว” นางแอนนา กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.พิเชษฐ์ อดีตเป็นตำรวจชั้นประทวน ยศจ่าสิบตำรวจ (จ.ส.ต.) ตำแหน่ง ผบ.หมู่ ฝ่ายป้องกันและปราบปราม ประจำอยู่ สภ.มาบอำมฤต ต่อมาเรียนจบระดับปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ จากนั้นปี 2548 สอบติดนายตำรวจสัญญาบัตร ตำแหน่งรองสารวัตรป้องกันและปราบปราบ (รอง สว.ป.) จนเมื่อวันที่ 12 มี.ค.2562 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีคำสั่งโยกย้ายระดับ สว. รอง ผบก.ตามคำสั่งที่ 127/2562-139/2562 จำนวน 6,239 ตำแหน่ง โดยคำสั่งดังกล่าวให้โยกย้าย ร.ต.อ.พิเชษฐ์ รอง สว.ป.สภ.มาบอำมฤต ไปอยู่ในตำแหน่ง รอง สว.(สอบสวน) จนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน