ผู้ว่าฯสมุทรปราการสั่งเร่งทำคันกั้นน้ำเสริมแผ่นเหล็ก-ถุงบิ๊กแบ็คหลัง พนังแตก น้ำทะลักท่วม ชี้วันนี้น้ำหนุนสูงกว่าเดิม เตรียมรับน้ำทะเลที่จะหนุนสูงกว่าเมื่อคืน

กรณีพนังกั้นน้ำชั่วคราวของแนวก่อสร้างประตูระบายน้ำทางด้านทิศเหนือ ของโครงการระบายน้ำชลหารพิจิตร พื้นที่หมู่ 5 ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ สมุทรปราการ ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง เกิดพังถล่มลงมาเมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 4 ก.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากมีปริมาณน้ำทะเลหนุนสูงกว่าปกติ ทำให้มวลน้ำทะเลจำนวนมหาศาลไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน และบ้านพักเจ้าหน้าที่ชลประทานกว่า 50 หลังคาเรือนมีปริมาณน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ในระยะเวลาไม่ถึง 10 นาที ส่งผลให้ทรัพย์สินที่อยู่ในบ้านเสียหายทั้งหมด ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

พนังแตก / ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเกิดเหตุเมื่อคืนนี้ ทางเจ้าหน้าที่ชลประทานเร่งระบายประมาณน้ำออกจากพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งมีบริเวณกว้างกว่า 10 ไร่ จนกระทั่งเช้าทุกอย่างกลับเข้าสู่สภาวะปกติ

ขณะเดียวกันทางผู้อำนวยการโครงการระบายน้ำชลหารวิจิตร สั่งการให้ทางบริษัทที่รับเหมาก่อสร้างเร่งดำเนินการซ่อมแซมพนังกั้นน้ำที่พังถล่มลงมาเมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นแนวยาวกว่า 10 เมตร ให้แล้วเสร็จ โดยให้ทำการเสริมคันดินให้มากขึ้น พร้อมนำแผ่นเหล็กชิปพลายมาปักเป็นแนวรับแรงปะทะของมวลน้ำที่ไหลมาจากทะเล เนื่องจากทราบว่าในคืนนี้ปริมาณน้ำทะเลจะมีปริมาณสูงขึ้นมากกว่าเมื่อวาน พร้อมทั้งนำถุงบิ๊กแบ็คขนาดใหญ่ 1,600 ถุง พร้อมกระสอบทราย มาวางหนุนแนวปีกของพนังกั้นน้ำ เพื่อช่วยลดแรงประทะของน้ำทะเล

นายชัยพร พรหมสุวรรณ ผอ.การโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชลหารพิจิตร เปิดเผยว่า จากกรณีเมื่อคืนสาเหตุเกิดจาก 2 ประการ คือ 1.เมื่อคืนประมาณ 20.00 น. น้ำทะเลหนุนสูงสุด และจุดที่ 2 คือคันกั้นดินชั่วคราวของงานก่อสร้างสถานีสูบน้ำชลหาร 3.ในตรงนี้เมื่อ 2 วันที่แล้วมีฝนตกทำให้ดินมีการทรุดตัวลงไปบ้าง พอเมื่อคืนน้ำทะเลหนุนสูงก็เลยทำให้น้ำทะเลทะลักผ่านแนวคันกั้นตรงนี้ขึ้นมา กว้างประมาณ 10 เมตร ลึกประมาณ 3 เมตร น้ำทะเลไหลทะลักผ่านรางระบายน้ำแล้วเข้าสู่บ้านพักของเจ้าหน้าที่ชลประทาน

“ตรงนี้เป็นงานก่อสร้างสถานีสูบน้ำชลหาร สามเป็นสถานีสูบที่มีวัตถุประสงค์ที่จะสูบน้ำในพื้นที่ตอนใน ควบคุมระดับน้ำตอนใน ออกสู่ทะเล ตอนนี้ในช่วงเช้ามีน้ำขึ้นมานิดนึง และตอนนี้น้ำกำลังลง เรามีวิธีแก้ไขอยู่ 2 มาตรการ มาตรการแรก คือ การซ่อมแซมคันกั้นดิน โดยการนำดินด้านบนไปอัดและอาจจะมีตัวมั่นคงแข็งแรงคือตัวชิพพลายที่จะเสียบตั้ง ตรงนี้ทำชั่วคราวเพื่อให้เสร็จก่อน 6 โมงเย็น หลังจาก 6 โมงเย็นไป น้ำทะเลก็จะหนุนขึ้นมาอีก และจะสูงสุดตอนประมาณ 3 ทุ่ม อาจจะทำให้การเหตุการณ์เหมือนเมื่อคืน จึงต้องป้องกันแนวคันกั้นนี้ให้อยู่ไม่ให้น้ำทะเลไหลข้ามจุดเดิม ยืนยันว่ามีจุดนี้จุดเดียว เพราะจุดอื่นเป็นเขื่อนถาวร และมาตรการที่ 2 จะนำตัวบิ๊กแบ็ค 800 ถุง กับทราย 1 พันคิว เพื่อลงกั้นน้ำบริเวณใต้สะพาน ในบริเวณก่อสร้างเป็นแนวถาวร เพราะเกรงว่าแนวคันนอกอาจจะไม่มั่นคง” นายชัยพร กล่าว

นายชัยพร กล่าวต่อว่า ในส่วนความเสียหายของบ้านพักของเจ้าหน้าที่ชลประทาน อยู่ระหว่างสำรวจ เมื่อคืนนี้ที่น้ำไหลเข้าไปสูงประมาณ 1 เมตร ทำให้จำพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าได้รับความเสียหาย ในขณะนี้ยังดำเนินการสำรวจอยู่ ในเรื่องการเยียวยา คงต้องปรึกษากับด้านบนอีกที ในส่วนของเราก็คือดูแล ในส่วนของจังหวัดก็มาตั้งจุดช่วยเหลือต่อมาเมื่อเวลา 10.00 น. มีทหารชุดช่างจิตอาสาจากมณฑลทหารบกที่ 11 กองพันสารวัตรทหารที่ 11 จำนวน 15 นายได้มาช่วย เจ้าหน้าที่ชลประทานที่บ้านพักถูกน้ำท่วมโดยการช่วยขนย้ายของและทำความสะอาด ให้กลับสู่สภาพเดิม

ด้าน นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า ระดับน้ำทะเลหนุนสูงสุดที่ 37 เซนติเมตร เมื่อเวลา 20.00 น. ของวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา ทำให้พนังกั้นน้ำที่กำลังก่อสร้างพังทลายแล้วมีน้ำไหลบ่าเข้าท่วมบ้านพักข้าราชการ มีระดับน้ำสูงประมาณ 1 เมตร ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ช่วยกันอพยพคนแก่ และคนป่วยออกมาด้านนอกแล้ว อาจมีชาวบ้านที่ยังเป็นห่วงทรัพย์สิน ที่สมัครใจนอนเฝ้าทรัพย์สินมีค่า

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

โดยทางเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถสูบน้ำได้ เพราะหวั่นกระทบชุมชนที่อยู่โดยรอบอาจได้รับผลกระทบ จึงต้องรอจนประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 5 ก.ค. ซึ่งเป็นเวลาที่ระดับน้ำทะเลลดลงจนสามารถเดินเครื่องสูบน้ำได้

ซึ่งตลอดทั้งคืนจะมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยและตำรวจ คอยตระเวนรักษาความปลอดภัย กันมิจฉาชีพฉวยโอกาสเข้าไปลักทรัพย์สินของผู้ประสบภัย อย่างไรก็ตาม จากเหตุดังกล่าวไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต และวันนี้ได้มีเจ้าหน้าที่ได้นำรถแบ็คโฮเข้ามาเสริมคันกั้นน้ำ และใช้แผ่นเหล็กชิบพรายทำคันกั้นและใหถุงบิ๊กแบ๊กมาเสริม ส่วนปริมาณน้ำในวันนี้จะมีน้ำทะเลหนุนสูงมากขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน