ผอ.โรงเรียนโต้ไม่มีการยัดเงิน 4 หมื่น บาทปิดคดีเด็กหญิง 13 ปีถูกรุ่นพี่ ขืนใจ ในห้องน้ำโรงเรียน ขณะที่ สพป.เขต1 สั่งตั้งคณะกรรมการสอบผู้เกี่ยวข้องแล้ว

กรณีมีผู้ปกครองนักเรียนหญิง อายุ 13 ปี ชั้นม.1 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา ร้องเรียนต่อมูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี ว่าลูกสาววัย 16 ปี ชั้นม.3 ถูกรุ่นพี่โรงเรียนเดียวกัน ลวงไปข่มขืนในห้องน้ำโรงเรียน โดยครูพยายามปิดเรื่องดังกล่าวไม่ให้ผู้ปกครองทราบ พร้อมกับซื้อยาคุมฉุกเฉินให้ลูกสาวกิน จนเกิดอาการตกเลือดอย่างรุนแรง เมื่อผู้ปกครองถามลูกจึงรับว่า มีเพศสัมพันธ์กับพี่ม.3 ต่อมาจึงนำเรื่องไปแจ้งความที่สภ.โนนสูง หลังจากนั้นลูกสาวไม่ได้ไปโรงเรียนหลายวัน จนผู้บริหารโรงเรียนมีหนังสือแจ้งให้รีบนำลูกกลับไปเรียนตามปกติ และเรียกเงินปรับ 10,000 บาท และผู้ปกครองยังอ้างว่าผู้บริหารโรงเรียน ยัดเงิน 40,000 บาท เพื่อให้คดีนี้จบกันด้วยดี ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ขืนใจ / ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่โรงเรียนดังกล่าว ในอ.โนนสูง จ.นครราชสีมา พบกับนายผยุงศักดิ์ เสริฐสูงเนิน ผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งชี้แจงว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเย็นที่โรงเรียนเลิกแล้ว นักเรียนและครูหลายคนก็กลับบ้านกันไปเกือบหมด เหลือเพียงนักเรียนบางส่วนที่ยังคงเล่นกีฬาอยู่ในโรงเรียนและไม่กลับบ้าน

ต่อมาวันรุ่งขึ้น ตนทราบเรื่องจากครูประจำชั้นว่ามีเด็กนักเรียนชาย และหญิง เข้าห้องน้ำไปด้วยกัน ตนจึงเรียกเด็กนักเรียนทั้งคู่มาสอบถาม ซึ่งเด็กทั้งคู่ก็บอกว่าแตะเนื้อต้องตัวกันจริง แต่ไม่ได้มีอะไรกันมากกว่านั้น ด้วยความที่เป็นเยาวชน ซึ่งตนไม่อยากคาดคั้นมาก เกรงว่าจะทำให้เด็กเกิดความเครียด เพราะไม่มีนักจิตวิทยาหรือสหวิชาชีพมาสอบถาม ประกอบกับวันดังกล่าวก็มีผู้ปกครองและครูที่ปรึกษามานั่งอยู่ด้วย ซึ่งผู้ปกครองของนักเรียนหญิงก็ไม่ติดใจเอาเรื่องอะไร ตนจึงว่ากล่าวตักเตือนว่าอย่าทำอย่างนี้อีก เพราะจะสร้างความเสียหายทั้งกับตนเองและโรงเรียนด้วย

ต่อมาอีก 1 สัปดาห์ ผู้ปกครองนักเรียนหญิงก็มาบอกว่า เด็กทั้งคู่ยังติดต่อคุยกันอยู่ ตนจึงเรียกเด็กชายมาว่ากล่าวตักเตือนอีกต่อหน้าผู้ปกครองนักเรียนหญิง พร้อมกับบอกว่า อย่าติดต่อกันในเชิงชู้สาวอีก เพราะทั้งคู่ยังเป็นเยาวชนอยู่ ซึ่งผู้ปกครองนักเรียนหญิงก็รับทราบและไม่เอาเรื่องแต่อย่างใด ดังนั้น หากจะกล่าวโทษว่าผู้บริหารโรงเรียนหรือครูปกปิดเรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องจริงเลย

ส่วนกรณีมีการกล่าวหาว่า ทางตนเสนอเงิน 40,000 บาท เพื่อปิดคดีนี้นั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะหลังจากที่ผู้ปกครองจับได้ว่าคุยกันทางไลน์ โดยมีข้อความพูดถึงการมีเพศสัมพันธ์กันแล้ว ก็ทำให้ผู้ปกครองฝ่ายหญิงเกิดความไม่พอใจขึ้น จนต้องไปแจ้งความกับตำรวจ ซึ่งตำรวจก็เรียกตนเองและผู้เกี่ยวข้องไปเจรจาไกล่เกลี่ยกัน ทางผู้ปกครองเด็กหญิง ก็เรียกเงินค่าเสียหายกับผู้ปกครองเด็กชายสูงถึง 600,000 บาท แต่ผู้ปกครองนักเรียนชายเป็นคนยากจน ไม่มีเงิน จึงเสนอว่าให้ได้เพียง 20,000 บาท

พร้อมกันนี้ผู้ปกครองฝ่ายหญิงยังขอให้ทางโรงเรียนรับผิดชอบด้วย ซึ่งตนเองก็บอกว่าไม่ใช่คู่กรณี ถ้าจะไปเรี่ยไรเงินจากครูก็จะผิดระเบียบ แต่ด้วยความมีคุณธรรม และเห็นใจผู้ปกครองนักเรียนหญิง จึงขอปรึกษาครูในโรงเรียนดูก่อน หากจะช่วยเหลือได้ก็ขอช่วยเหลือเพียงแค่ 20,000 บาท รวมกันกับของผู้ปกครองนักเรียนชายเป็น 40,000 บาท ได้หรือไม่ แต่ผู้ปกครองนักเรียนหญิงไม่ยอม ซึ่งการพูดคุยเรื่องนี้ก็พูดต่อหน้าพนักงานสอบสวนของ สภ.โนนสูง ตลอด ไม่มีการขู่บังคับหรือพูดในที่ลับหลังแต่อย่างใด

ขณะที่เรื่องการส่งหนังสือแจ้งไปให้ผู้ปกครองนักเรียนหญิง พาลูกสาวมาเรียนตามปกติ ก็เป็นหนังสือราชการ แบบบค.14 ตามระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ ที่เตือนให้ผู้ปกครองส่งนักเรียนเข้าเรียน ซึ่งช่วงท้ายระบุว่า หากฝ่าฝืนโดยปราศจากเหตุผลอันสมควร จะมีความผิดตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ.2545 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท ดังนั้น จึงไม่ได้ทำโดยพลการ

“ในเมื่อคดีนี้อยู่ในขั้นตอนของกฎหมาย ผมก็ไม่อยากจะพูดอะไรมาก ก็ขอให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายดีกว่า จะมาโต้เถียงกันเองเช่นนี้ ส่วนหลังจากนี้ผมก็จะมีมาตรการดูแลเด็กนักเรียน ไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำอีก เนื่องจากมีเด็กนักเรียนอยู่จำนวนมากถึง 303 คน และเป็นโรงเรียนที่ได้รับการยกระดับเป็นโรงเรียนดีมีคุณภาพระดับตำบลอีกด้วย” นายพยุงศักดิ์ กล่าว

ด้าน นายพิสิษฐ์ ชดกิ่ง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชี่ยวชาญ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 1 (สพป.นม.1) กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า สั่งการให้ทางโรงเรียนตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว เพื่อให้รู้ที่ไปที่มา และมีใครเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้หรือไม่ พฤติกรรมของเด็กเป็นอย่างไร ให้รวบรวมข้อมูลทุกด้าน เพื่อประกอบการในการพิจารณาดำเนินการต่อไป ขณะเดียวกัน ได้ส่งคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจช่วยเหลือนักเรียน (ฉก.ชน.) จากเขตพื้นที่การศึกษาเข้าไปช่วยเหลือนักเรียนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเป็นทีมที่ปรึกษาของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงของโรงเรียนด้วย

สำหรับแหตุการณ์ดังกล่าว จากรายงานเบื้องต้นทราบว่า ทางผู้อำนวยการโรงเรียนเรียกเด็กนักเรียนทั้ง 2 คนเข้ามาสอบถามแล้ว และเด็กทั้ง 2 ให้การตรงกันว่า ไม่ได้มีเหตุการณ์ข่มขืนเกิดขึ้น แต่เข้าไปในสถานที่แห่งนั้นจริง เมื่อนักเรียนยืนยันเช่นนี้ทางโรงเรียนโดย ผอ.โรงเรียนกล่าวตักเตือนไป

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

แต่เพิ่งมาทราบภายว่าเด็กยอมรับว่ามีเหตุการณ์ข่มขืนด้วย ดังนั้นก็ต้องสอบสวนข้อเท็จจริงให้รอบด้าน และสั่งกำชับให้คณะกรรมการเร่งรัดดำเนินการให้มีความชัดเจนเร็วที่สุด และขณะนี้ทางผู้ปกครองของนักเรียนหญิงก็ได้เข้าไปแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจแล้ว ฉะนั้นการดำเนินการจากนี้ไปก็คงจะต้องรอผลการสอบสวนในส่วนของโรงเรียนส่วนการดำเนินคดีอาญาก็เป็นหน้าที่ของตำรวจ ยืนยันว่าเราจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน