กรมป่าไม้ ฟื้นฟูเขาหัวโล้น 13 จังหวัด 1.5 ล้านไร่ นำร่อง จ.เลย เล็งของบเพาะกล้าไม้

วันที่ 16 ส.ค. ที่กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ แถลงถึงการฟื้นฟูพื้นที่ป่าต้นน้ำที่ได้รับการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายของรัฐ (คทช.) ว่า ในวันที่ 25 ส.ค.นี้ จะมีการเปิดตัวโครงการฟื้นฟูป่าในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1,2 ซึ่งเป็นพื้นที่ คทช.ที่ อ.นาแห้ว จ.เลย มีนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรฯ เป็นประธาน

โดยกรมป่าไม้จะฟื้นฟูสภาพป่าในพื้นที่ 13 จังหวัด มีแนวทางการฟื้นฟูเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรกจะฟื้นฟูพื้นที่ คทช.ลุ่มน้ำชั้น 1,2 ที่มีการอยู่อาศัยทำกินมาก่อนมติ ครม. 30 มิ.ย.41 เป็นพื้นที่ที่ประชาชนจะได้รับการรับรองสิทธิ์ให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินและต้องอยู่ภายใต้ข้อกำหนดของกรมป่าไม้

นายอรรถพล กล่าวว่า พื้นที่เป้าหมายใน 13 จังหวัด มีจำนวน 1.5 ล้านไร่ โดยต้องปลูกไม้โครงสร้างเป็นไม้ประจำถิ่นเป็นไม้ยืนต้น เช่น สัก ประดู่ ยางนา ร้อยละ 20 ของพื้นที่ รวมเนื้อที่ปลูกป่า 306,017 ไร่ ปลูกตามแนวเขตโดยรอบ ห้ามตัดเพื่อประโยน์ในการอนุรักษ์ดินและน้ำ ต้องช่วยกันดูแลหากพบต้นไม้ตายต้องมีการปลูกทดแทน

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

โดยกรมป่าไม้จะเป็นผู้สนับสนุนกล้าไม้พันธุ์ดีให้กับราษฎรในพื้นที่นำไปปลูกรวม 5,056,611 กล้า นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ลุ่มน้ำ 3, 4, 5 ซึ่งประชาชนสามารถปลูกไม้เศรษฐกิจไว้ในอนาคตสามารถตัดขายได้ไม่ผิดกฎหมาย พร้อมทั้งจะมีการสนับสนุนโดยคณะอนุกรรมการส่งเสริมอาชีพให้ประชาชนปลูกพืชเกษตรอื่นๆ ซึ่งจะสามารถช่วยให้ประชาชนมีรายได้เสริมจากผลผลิตที่เป็นที่ต้องการของท้องตลาดได้

นายอรรถพล กล่าวอีกว่า สำหรับผลการดำเนินงานของโครงการจัดการที่ดินทำกินให้ชุมชนในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ภายใต้ คทช. ได้ดำเนินการแล้วจำนวน 122 พื้นที่ ใน 55 จังหวัด เนื้อที่รวม 591,209-3-77.06 ไร่ โดยให้ประชาชนในพื้นที่เป็นผู้ปลูกและดูแลรักษา มีกรมป่าไม้เป็นผู้กำหนดแนวทาง

โดยสัดส่วนพื้นที่ 1 ไร่ ต้องปลูกต้นไม้ 200 ต้น เป็นไม้โครงสร้างหลักไม้ยืนต้นประจำถิ่น เช่น สัก ยางนา ประดู่ พะยูง จำนวน 100 ต้น ไม้โครงสร้างรองสำหรับรับประทานใบ ผล เช่น ขี้เหล็ก สะตอ จำนวน 50 ต้น โดยสามารถเก็บผลผลิตขายได้

ทั้งนี้พื้นท่ีที่ได้รับการปลูกฟื้นฟู กรมป่าไม้ห้ามไม่ให้ตัดไม้ทุกชนิด เนื่องจากต้องการเก็บพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นป่าต่อไป อีกทั้งจะเป็นการลดการปลูกพืชเชิงเดี่ยวที่ทำลายระบบนิเวศทางตรงและทางอ้อมได้อีกทางหนึ่ง โดยให้ชาวบ้านเป็นผู้ดูแลอย่างมีส่วนร่วม และเปลี่ยนจากผู้บุกรุกให้กลายมาเป็นผู้ดูแลป่าอย่างแท้จริง

อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า ปัจจุบันกรมป่าไม้ สามารถเพาะกล้าไม้ได้จำนวน 50 ล้านต้นต่อปี มีทั้งไม้มีค่ามีค่าหายาก ไม้เศรษฐกิจ ไม้ผล โดยปีนี้จะของบเพิ่มเติมเพื่อให้เพาะกล้าไม้ได้ถึง 100 ล้านกล้า ซึ่งมีต้นทุนการเพาะกล้าต้นละ 2.9 บาท เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนที่มีความต้องการสูงขึ้น

อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวถึงการป้องกันรักษาป่า ว่า กรมป่าไม้ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีงบประมาณ 2562 มีผลการดำเนินงาน 532 คดี เป็นพื้นที่ความเสียหาย 11,120.53 ไร่ ลดลงเมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2561 ที่มีจำนวน 1,488 คดี เป็นพื้นที่ความเสียหาย 32,637.41 ไร่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน