เมื่อวันที่ 26 เม.ย. ร.ต.อ.สง่า มูลจัด รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมือง จ.สมุทรปราการ รับแจ้งมีคนร้ายเข้าไปจี้ชิงทรัพย์ภายในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ภายในซอยเทศบาลบางปู49 หมู่บ้านการเคหะสมุทรปราการ ถนนสุขุมวิท หลักกิโลเมตรที่ 30 ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเดินทางเข้าตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นร้านสะดวกซื้อเซเว่น ซึ่งตั้งอยู่ภายในหมู่บ้านการเคหะ สมุทรปราการ พบพนักงานของร้านจำนวน 3 คน ยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ด้วยอาการหวาดผวา

สอบสวน น.ส.ชมพูนุช ดวงวาว อายุ 20 ปี ทำหน้าที่รักษาการรองผู้จัดการร้านสะดวกซื้อดังกล่าว ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนและพนักงานอีก 2 คน กำลังยืนประจำอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์คิดเงิน ได้มีชายอายุประมาณ 25-30 ปี สวมเสื้อยืดสองสี ด้านบนสีเทาด้านล่างสีดำใส่กางเกงลายพรางทหารขาสามส่วน ใส่หมวกนิรภัยครึ่งใบสีดำ เดินเข้ามาที่เคาน์เตอร์โดยเข้ามาประชิดตัวและพนักงานทั้งสองพร้อมทั้งบอกว่า “พี่หยิบเงินให้ผมเถอะ ผมไม่ทำอะไรพวกพี่หรอก”

ด้วยความกลัวตนจึงนำกุญแจไขเปิดลิ้นชักเครื่องเก็บเงินและหยิบเงินสดจำนวน 3,600 บาท ส่งให้คนร้ายไป แต่คนร้ายหยิบถุงใส่เงินเหรียญออกมาด้วย ก่อนที่คนร้ายเปลี่ยนใจไม่หยิบไป จากนั้นชายคนดังกล่าวจะเดินออกจากร้านไปขึ้นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า ดรีมคลับ สีฟ้าขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลบหนีมุ่งหน้าออกไปทางหน้าหมู่บ้านออกถนนสุขุมวิท ซึ่งตนจำได้ว่าชายคนดังกล่าวเป็นคนเดียวกับที่เมื่อคืนวันที่ 25 เม.ย. ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 03.20 น. ที่เข้ามาก่อเหตุใช้มีดพกสั้นจี้ชิงทรัพย์ที่ร้านมาแล้วครั้งหนึ่ง ได้เงินสดไปจำนวน 1 หมื่นบาท

ก่อนขับขี่รถจักรยานยนต์คันเดียวกันหลบหนีไป ซึ่งในวันนั้นชายคนดังกล่าว สวมเสื้อยืดคอกลมสีดำ ใส่กางเกงขาสั้นสีขาว ใส่หมวกนิรภัยสีขาวแบบเต็มใบ ส่วนรถจักรยานยนต์ก็คันเดียวกัน ซึ่งติดแผ่นป้ายทะเบียนมาด้วย แต่จำเลขทะเบียนไม่ได้ และในวันนี้ คนร้ายสวมเสื้อยืดสองสีด้านบนสีเทาด้านล่างสีดำ ใส่กางเกงลายพรางทหารขาสามส่วน ใส่หมวกนิรภัยครึ่งใบสีดำ เข้ามาก่อเหตุ

ส่วนรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้ ก็เป็นรถจักรยานยนต์คันเดียวกัน แต่ถอดแผ่นป้ายทะเบียนออก ซึ่งทางผู้จัดการร้านเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง สมุทรปราการ ไว้แล้ว แต่ยังจับกุมไม่ได้ และมาในวันนี้ชายคนดังกล่าวย้อนกลับมาก่อเหตุซ้ำอีก 2 วันซ้อน โดยทางผู้จัดการร้านสะดวกซื้อดังกล่าวพยายามกีดกันไม่ยอมให้ผู้สื่อข่าวเข้าบันทึกภาพทำข่าว โดยปิดประตูด้านหน้าและทำการล็อกด้านใน ให้เข้าเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่า คนร้ายน่าจะมาวนเวียนดูหลายครั้ง จนสบโอกาสปลอดคนจึงได้ลงมาก่อเหตุ ส่วนในวันนี้คาดว่าคนร้ายน่าจะย่ามใจ จึงได้ย้อนกลับมาลงมือก่อเหตุซ้ำอีกครั้ง 2 วันติดกันเลย อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะได้ทำการตรวจสอบภาพคนร้ายจากกล้องวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์เอาไว้ได้ เพื่อเป็นแนวทางในการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้าย ที่ก่อเหตุอย่างอุกอาจในครั้งนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน