พิษเศรษฐกิจทรุด! ผัวเมีย นักธุรกิจ เขียนจม.ลาตาย รมควันในรถดับคู่ พ่อแม่สุดช็อก

พิษเศรษฐกิจทรุด! ผัว-เมีย นักธุรกิจ เขียนจดหมายลาตาย-จัดการศพ ก่อนจับมือรมควันดับคาเก๋งจอดในบริษัท พ่อแม่ร่ำไห้ เผยบ่นธุรกิจย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ

เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 24 ธ.ค. พ.ต.ท.มนตรี พุทธขันธ์ พนักงานสอบสวน สภ.แม่ปิง รับแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิตภายในรถยนต์ บริเวณห้างหุ้นแห่งหนึ่ง ภายในพื้นที่ม.7 ต.หนองหอย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.นฤบาล จิตทยานันท์ ผกก.สภ.แม่ปิง เจ้าหน้าที่แพทย์เวรจากโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการเชียงใหม่ หน่วยกู้ภัยมูลนิธิรวมใจ และชุดสืบสวนจำนวนหนึ่ง

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่

ที่เกิดเหตุซึ่งเป็นตัวอาคาร 3 ชั้น บริเวณที่จอดรถเจ้าหน้าที่พบรถเก๋ง ยี่ห้อนิสสัน สีเขียวอ่อน ทะเบียน 1กง6961 กทม. ภายในรถพบศพ นายสมพร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี ชาวกรุงเทพฯ และ น.ส.พิมพร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ชาวจ.นนทบุรี สภาพนอนเสียชีวิตบริเวณหน้าของรถเก๋ง ไม่พบบาดแผลตามร่างกาย คาดเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง ส่วนเบาะหลังพบเตาและถ่านไฟถูกจุดแล้ว

เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบเหตุ นักธุรกิจ รมควันเสียชีวิตภายในรถเก๋ง

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าผู้ตายขับรถเข้ามาที่ห้างหุ้นส่วนดังกล่าวซึ่งทั้งสองเป็นเจ้าของ เมื่อเวลา 20.00 น.ของวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นได้เดินเข้าไปยังห้องทำงานด้านหลังชั้น 1 และได้เขียนจดหมาย 2 ฉบับ เป็นข้อความเขียนร่ำลาพ่อแม่และขอโทษพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย โดยมีรูปพ่อแม่วางอยู่ในพานพร้อมพวงดอกไม้

และอีกฉบับเขียนระบุเรื่องการจัดการศพของทั้งสอง วางไว้บนโต๊ะทำงาน ก่อนที่ทั้งคู่จะได้เข้ามาในรถยนต์ ช่วงเวลาประมาณ 21.00 น.วันเดียวกัน ต่อมาพ่อแม่ของผู้ตายฝ่ายหญิงได้มายังที่เกิดเหตุและร่ำไห้ปริ่มจะขาดใจ และขอดูหน้าลูกเป็นครั้งสุดท้าย

จากการสอบถามพ่อแม่ของฝ่ายหญิง ให้การว่า ตนได้โทรศัพท์หาลูกสาวและลูกเขย แต่ปรากฏว่าไม่มีใครรับสายในช่วงกลางดึก กระทั่งเช้าวันนี้ด้วยความเป็นห่วง จึงได้โทรศัพท์ไปหาคนรู้จักเพื่อให้ช่วยไปดูลูกสาว เพราะยังเช้าอยู่พนักงานยังคงไม่มาทำงาน กระทั่งทราบข่าวการเสียชีวิตจึงเดินทางมาที่เกิดเหตุดังกล่าว

ตำรวจเข้าตรวจสอบห้างหุ้นส่วนจำกัด หลังเกิดเหตุนักธุรกิจฆ่าตัวตาย

ด้าน น.ส.กานดา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 69 ปี พยานที่พบศพคนแรก ให้การว่า พ่อแม่ของฝ่ายหญิงได้โทรศัพท์มาหาตนเพื่อขอให้ไปดูลูกสาวที่ห้างหุ้นส่วน เพราะตนมีบ้านอยู่ใกล้ โดยพ่อแม่ฝ่ายหญิงบอกว่า โทรเข้ามือถือลูกสาวและสามีของลูกสาวแล้วไม่รับสายทั้งคู่ ตนจึงได้ไปดูที่ห้างหุ้นส่วนดังกล่าว โดยไปดูที่ห้องทำงาน ห้องรับแขกทุกห้อง สอบถามพนักงานก็ไม่มีใครเห็น กระทั่งสามีของตนมาเปิดรถเก๋งดู ก็พบว่าทั้งสองนอนอยู่ในรถแล้ว และพบเตาฮังโลในรถ แน่ใจว่าทั้งคู่จากไปแล้วแน่นอน จึงแจ้งผู้ใหญ่บ้านและเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ

ทั้งนี้ ผู้ตายทั้งสองประกอบอาชีพธุรกิจ ประกอบอะไหล่ รถบรรทุกน้ำ,รถดับเพลิง,รถขยะ,และเครื่องยนต์ ยานพาหนะต่าง ๆ ของหน่วยงานราชการต่าง ๆ และเทศบาล อบต.ต่าง ๆ ที่ไปประมูลมา โดยผู้ตายมีโรงงานประกอบอะไหล่ยานพาหนะต่าง ๆ ที่ใช้เกี่ยวกับงานของหน่วยงานเทศบาล อบต.และของภาครัฐบางแห่ง โรงงานอยู่ที่กรุงเทพฯเป็นบริษัทใหญ่ ส่วนห้างหุ้นส่วนที่เชียงใหม่เป็นสาขาเพื่อจัดทำเรื่องเอกสารต่าง ๆ และการเข้าประมูลงาน ผู้ตายทั้งสองได้เดินทางจากกรุงเทพฯด้วยรถเก๋งดังกล่าวมาเชียงใหม่ถึงตอนกลางคืน

ก่อนหน้าที่จะมาเสียชีวิตนั้น ธุรกิจของผู้ตายไปได้ด้วยดี ได้ประมูลงานจากหน่วยงานภาครัฐมาตลอด พาพนักงานไปเที่ยวต่างประเทศทุกปี แต่ระยะหลังมานี้ ผู้ตายบ่นเสมอว่า ธุรกิจย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ และต่อเนื่อง ทางเพื่อนและญาติก็ได้แต่เพียงให้กำลังใจปลอบใจ และหวังว่าคงจะดีขึ้นสักวัน แต่ก็ให้กำลังใจได้ในระดับหนึ่ง

รูปของสามีภรรยานกธุรกิจก่อนเสียชีวิต

แต่ธุรกิจก็ไม่ดีขึ้นมาเลยทำให้ทั้งสองบ่นให้พนักงานและญาติเพื่อนฟังเสมอ กระทั่งมาก่อเหตุดังกล่าว ทั้งนี้ ทั้งคู่มีลูกแฝดเป็นชาย 2 คน อายุประมาณ 10 ปี ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้คาดว่า ผู้ตายทั้งสองคงสู้ไม่ไหวกับเศรษฐกิจและธุรกิจที่ทั้งสองทำไปไม่ไหว จึงได้คิดสั้นดังกล่าว

ด้าน พ.ต.อ.นฤบาล เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของห้างหุ้นส่วนของผู้ตายพบว่า เป็นการฆ่าตัวตายเอง ตรวจสอบกล้องทุกตัวทุกจุด และตามตัวผู้ตายก็ไม่มีร่องรอยของการถูกทำร้ายแต่อย่างใด ส่วนสาเหตุนั้น มาจากมาจากเรื่องธุรกิจของผู้ตายทั้งสอง

สำหรับจดหมายที่ผู้ตายได้เขียนไว้ลาพ่อแม่ และเรื่องจัดการกับศพ นำมาวางไว้ในพานและมีพวงมาลัยดอกไม้ มีรูปของพ่อแม่ทั้งสองในพานด้วย มีข้อความระบุในจดหมาย ว่า “เรื่องงานศพ หากทำพิธีจัดการศพใกล้ ๆ วัดระแวกนี้ ก็ให้เอาศพตั้งบำเพ็ญไว้ 1 วันและทำการเผาเลย โดยให้ตั้งศพไว้คู่กัน” ส่วนจดหมายในพานได้ระบุ “พ่อจ๋า แม่จ๋า ลูกกราบขอเขมา ขอโหสิกรรม กราบลาแล้ว พ่อครับ แม่ครับ ลูกกราบขอขมา ขอโหสิกรรม กราบลาแล้ว”