มอบตัวแล้วมือ ยิงเพื่อนบ้าน อ้างทวงเงินแค่ 200 แต่ถูกด่าแม่ ปืนลั่นใส่ดับ เจ้าตัวดอดมอบตัว บอกแค่เอาปืนจ่อท้องป้องกันตัว แต่เกิดลั่น หลังก่อเหตุหนีซ่อนในป่า
ยิงเพื่อนบ้าน / กรณี นายสุรินทร์ ชูบุญทอง หรือเตี้ย อายุ 45 ปี ชาว อ.ร่อนพิบูล จ.นครศรีธรรมราช ใช้ปืนลูกซองยาวยิง นายเจษฎา ควนวิไล อายุ 29 ปี ชาวอ.ปะเหลียน จ.ตรัง อาชีพกรีดยางพารา เสียชีวิตหน้าบ้านพักไม่มีเลขที่ พื้นที่บ้านตระ หมู่ 2 ต.ปะเหลียน เหตุเกิดเวลาประมาณ 19.30 น. วันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมา เมียผู้ตายให้การว่าอ้างว่า ผู้ต้องหาอยู่ในอาการเมาสุราแล้วเดินผ่านหน้าบ้านผู้ตาย ขณะที่ผู้ตายกำลังทะเลาะและด่าอยู่กับตน ด้วยความมึนเมาผู้ต้องหาเดินผ่านได้ยินเข้าจึงเกิดโมโหหูเพี้ยนคิดว่า ผู้ตายด่า จึงกลับไปเอาปืนมายิงจนเสียชีวิต ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 12 มี.ค. นายสานิตย์ ทองเส็ม หรือผู้ใหญ่บิว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 บ้านควนไม้ดำ ต.ปะเหลียน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง พร้อมผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และกำลังตำรวจชุดสืบสวน สภ.บ้านหนองเอื้อง เดินทางลงไปพื้นที่ไปยังบ้านตระ เพื่อรับตัว นายสุรินทร์ บุญชูทอง หรือเตี้ย อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดตรัง เลขที่ 93/2563 ลงวันที่ 10 มี.ค.63 ก่อเหตุยิง นายเจษฎา หรือคุ่ย ควนวิไล หลังติดต่อขอมอบตัว เพื่อส่งมอบให้กับ พ.ต.อ.สมศักดิ์ สังข์น้อย ผกก. ร.ต.อ.เดชาพิสุทธิ์ ใจสมุทร รอง สว.(สอบสวน) สภ.บ้านหนองเอื้อง สอบสวน
จากการสอบสวนในเบื้องต้น ผู้ต้องหารับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ว่าลงมือก่อเหตุจริง โดยอ้างว่าตนและผู้ตายเป็นเพื่อนบ้านที่สนิทกัน ก่อนเกิดเหตุตนเดินออกจากบ้านพร้อมด้วยอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ ก่อนจะนำไปฝากไว้ที่บ้านเพื่อน แล้วไปช่วยทำถนนทางเข้าหมู่บ้าน หลังจากมีการระดมกำลังพลชาวบ้านไปช่วยกัน
หลังจากเสร็จ ตนจึงดื่มสุรากับเพื่อนคนงาน และกลับมาเอาปืนที่ฝากไว้ที่บ้านเพื่อน ก่อนจะเดินกลับบ้าน ระหว่างทางผ่านหน้าบ้านผู้ตาย จึงแวะเพื่อทวงเงินจากผู้ตายที่ติดค้างตนอยู่จำนวน 200 บาท ซึ่งในขณะนั้นผู้ตายได้ทะเลาะและมีปากเสียงอยู่กับภรรยาจริง แต่ผู้ตายกลับด่าบุพการีของตนจริง ตนจึงเดินหันหลังเพื่อจะเดินกลับบ้าน แต่ผู้ตายคว้ามีดพร้าพร้อมเดินมาหาตน และด่าทอตลอดเวลา จนกระทั่งตนใช้ปลายกระบอกปืนที่ถืออยู่จ่อไปที่ท้องของผู้ตาย เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ตายเข้ามาทำร้าย แต่ทันใดนั้นอาวุธปืนเกิดลั่น ตนจึงหัวเราะใส่ศพจริง ก่อนหลบหนีเข้าในป่าเทือกเขาบรรทัด โดยทิ้งอาวุธปืนไว้ และขอเข้ามอบตัว
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้อนุญาต” ก่อนจะไปค้นหาของกลางอีกครั้ง โดยทางผู้ต้องหาปฎิเสธในการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เนื่องจากหวาดกลัวว่าจะถูกทำร้ายหรือรุมประชาทัณฑ์ ก่อนจะนำตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
