จากกรณีรถกระบะอีซูซุ 4 ประตู สีดำ หมายเลขทะเบียนตรากงจักร 1510 กทม. ตกลงข้างถนนสุขุมวิท บ้านคลองสน ต.แหลมกลัด อ.เมือง จ.ตราด โดยมีพ.อ.อ.ภคิน เดชพงษ์ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้านการข่าว กอ.รมน.กทม. เป็นคนขับ จากการตรวจค้นภายในรถพบอาวุธปืนอาก้ากว่า 30 กระบอก และกระสุนเอ็ม 79 อีกกว่า 100 นัด ซึ่งระหว่างเกิดเหตุได้มีรถยนต์แลนด์ครุยเซอร์ สีขาว ทะเบียน 2AD-5629 พนมเปญ ประเทศกัมพูชา ขับมาในที่เกิดเหตุ โดยมีชายชาวกัมพูชาเป็นคนขับ และทราบภายหลังว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของประเทศกัมพูชา เบื้องต้นทราบว่าทั้งคู่นัดส่งมอบอาวุธที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.คลองใหญ่ จ.ตราด จากนั้นก็แยกย้าย แต่รถพ.อ.อ.ที่เกิดอุบัติเหตุ จึงโทรศัพท์มาขอให้กลับมาช่วย ก่อนถูกจับกุมตัว ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

คืบหน้า เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปติดตามความคืบหน้าของคดี ที่สถานีตำรวจภูธรบ้านท่าเลื่อน ต.ชำราก อ.เมือง จ.ตราด เจ้าหน้าที่ตรวจค้นรถยนต์ยี่ห้อเรนจ์โรเวอร์ พบปืนกล็อกจำนวน 3 กระบอก และปืนกลมืออีก 1 กระบอก โดยเหตุผลที่ค้นพบเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ต้องการหาตัวเลขคัชซีรถยนต์ ยี่ห้อเรนจ์โรเวอร์ แต่กลับไปเจอปืนทั้งหมดซุกซ่อนอยู่ที่บริเวณด้านข้างช่องว่างบริเวณแบตเตอรี่รถยนต์ ที่ถูกเก็บไว้ในกล่องที่ทำขึ้นเพื่อเก็บอาวุธปืน ซึ่งปืนพก ขนาด 9 มม. ยี่ห้อ กล็อก 3 กระบอกเป็นปืนมีทะเบียนถูกต้อง (กท 5029472 กท 60303880 กท 60303822) ส่วนปืนกลมือนั้น ยังไม่ทราบว่าเป็นของใคร จึงได้เก็บปืนทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน เพื่อทำการตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป

ส่วนที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตราด พ.ต.อ.ดเรศ กัลยา รอง ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ตราด ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน ได้รายงานถึงความก้าวหน้าของการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 3 คน แต่ยังไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ต้องหาชาวกัมพูชา ที่ยังปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องกับ พ.อ.อ.ภคิน เดชพงษ์ อย่างไรก็ตามในการสอบสวนเชิงลึก ทางตำรวจภูธร จ.ตราด ได้ทำหนังสือส่งไปยังส่วนราชการของกัมพูชาเพื่อขอประวัติของ ร.ต.ท.เรียง พิเสริด ว่าดำรงตำแหน่ง สังกัด และเป็นเจ้าของรถยนต์ คันดังกล่าวหรือไม่ โดยเฉพาะรถเรนจ์โรเวอร์ ที่เดินทางผ่านเข้ามาเป็นของใครที่เป็นเจ้าของตัวจริงตามทะเบียนที่ปรากฏ

ส่วนเรื่องที่มีการพบอาวุธปืนกล็อก 3 กระบอก และปืนกลมือ 1 กระบอก ในรถยนต์ของ ร.ต.ท.เรียง พิเสริดนั้น ยังไม่ได้รับการรายงานจาก สภ.ท่าเลื่อน

พ.ต.อ.ดเรศ เปิดเผยว่า วันนี้มอบหมายให้ชุดสืบสวน ลงพื้นที่แกะรอยเส้นทางทั้งหมดของรถยนต์ทั้ง 2 คัน สอบปากคำพยานบุคคล ที่ผู้ต้องหาอ้างถึง ว่ามีการเชื่อมโยงกันหรือไม่ รวมไปถึงการสืบสวนในเชิงลึกที่ไม่สามารถเปิดเผยได้เช่นกัน

ด้านแหล่งข่าว เปิดเผยว่า ตามปกติการเข้าออกตามจุดผ่านแดนถาวร จะมีการแบ่งความรับผิดชอบกันระหว่างตรวจคนเข้าเมือง จะดูแลเรื่องคนเข้าออก ส่วนศุลกากรจะดูแลเรื่องรถยนต์และสิ่งของเข้าออก ซึ่งจะต้องมีเอกสารในการขออนุญาต ซึ่งในส่วนของศุลกากรรถยนต์คันใดที่เดินทางเข้าออกจะต้องแสดงเอกสารและหลักฐานการเป็นเจ้าของ จึงจะสามารถเข้าออกได้ และต้องปฏิบัติตามระเบียบให้ถูกต้อง

อย่างไรก็ตาม หากเป็นกรณีของบุคคลวีไอพีของฝั่งกัมพูชา ก็จะต้องทำเอกสารเช่นกันแต่อาจจะมีอภิสิทธิ์ในเรื่องของการไม่ตรวจค้นภายในรถ เพื่อให้เกียรติซึ่งกันและกัน ซึ่งรถยนต์คันที่ก่อเหตุก็ได้เดินทางเข้ามาในจังหวัดตราด และได้ทำเอกสารเข้าออกเช่นกัน ที่เป็นชื่อของภรรยาร.ต.ท.เรียง พิเสริด เป็นเจ้าของ ทั้งนี้ เราไม่ทราบว่ารถยนต์คันนี้จะมีการขนอาวุธสงครามมาด้วยหรือไม่ และไม่มีหลักฐานใดๆ ยืนยัน โดยในปัจจุบันทางศุลกากรเพิ่มความเข้มงวดให้มากขึ้นกว่าเดิม ตามนโยบายของฝ่ายความมั่นคง สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ถูกฝากขังที่เรือนจำจังหวัดตราดแล้ว โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคัดค้านการประกันผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน