ครอบครัวเด็กป.2 ที่ถูกภรรยาครูเกษียณบุกเข้าไปตีลูกชายถึงในบ้าน เพราะไม่พอใจที่เด็กแลบลิ้นใส่ ไม่ติดใจเอาความหลังไกล่เกลี่ยทำความเข้าใจต่างฝ่ายต่างยกมือไหว้ขอโทษซึ่งกันและกัน ขณะแม่เด็กปฏิเสธไม่รับเงินทำขวัญ เผยแค่คู่กรณียอมรับผิดขอโทษก็พอใจแล้ว

เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. จากกรณีที่นางเพียบ ภรรยาของอดีตของข้าราชการครูคนหนึ่ง ซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านกระสังสามัคคี ต.สามแวง อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ บุกเข้าไปตี น้องเอ (นามสมมติ) อายุ 8 ขวบ นักเรียนชั้นป.2 ถึงในบ้านทั้งใช้ก้านมะยมตีขา มือตบปาก ดึงหู และกระชากจนศีรษะโขกกับเสา เพียงเพราะโมโหที่เด็กแลบลิ้นใส่ จนแม่ของเด็กเข้าแจ้งความ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

อ่านข่าว เมียครูโต้ลั่นไม่ได้จับด.ช.โขกหัว แค่แตะปากเบาๆ สั่งสอนเด็กมาด่าตนสุดหยาบคาย

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. คู่กรณีทั้งสองฝ่ายนัดเจรจาไกล่เกลี่ยกันที่สถานีตำรวจภูธรห้วยราช โดยนางเสาวดี และนางอุไร ร่าเริง แม่และยาย เดินทางมาพร้อมน้องเอ และญาติพี่น้อง ขณะที่นางเพียบ ภรรยาของอดีตครูเกษียณ ที่ถูกกล่าวหาว่าทำร้ายเด็ก ก็ได้เดินทางมาพร้อมครอบครัวเช่นเดียวกัน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายพูดคุยไกล่เกลี่ยกันเองก่อน จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็ได้พูดคุยกันที่ศาลาข้างสถานีตำรวจ

โดยทางครอบครัวน้องเอ ไม่ได้เรียกร้องอะไรเพียงอยากให้นางเพียบ คู่กรณีกล่าวขอโทษทางครอบครัวที่ได้ทำร้ายเด็กเท่านั้น ซึ่งนางเพียบพร้อมครอบครัวก็ยอมกล่าวขอโทษ ทั้งได้จ่ายเงินเป็นค่าทำขวัญให้กับน้องเอจำนวน 2,000 บาทด้วย แต่แม่น้องเอปฏิเสธไม่รับเงินทำขวัญดังกล่าว โดยส่งเงินคืนให้กับนางเพียบ พร้อมบอกว่าไม่ได้ต้องการค่าเสียหายอะไร เพียงนางเพียบกล่าวขอโทษก็พอใจแล้วและก็ไม่ติดใจเอาความอะไรอีก พร้อมทั้งให้น้องเอยกมือไหว้ ขอโทษนางเพียบ ที่ทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมและพูดจาหยาบคายใส่ จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็ยกไหว้ขอโทษซึ่งกันและกัน พร้อมบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากให้เรื่องทุกอย่างยุติ หลังจากนี้จะเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันเหมือนเดิม

ซึ่งหลังจากทั้งสองฝ่ายพูดคุยตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นสักขีพยานว่า ทั้งสองฝ่ายไม่ติดใจเอาความซึ่งกันและกันแล้ว ส่วนกรณีที่แม่เด็กแจ้งความไว้ก่อนหน้านี้ ทางตำรวจก็จะทำการเปรียบเทียบปรับ ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เป็นอันตรายแก่กายและจิตใจได้ ซึ่งสามารถเปรียบเทียบปรับได้ หากผู้เสียหายยินยอมให้ทำการเปรียบเทียบปรับในชั้นสอบสวน คดีอาญาก็ยุติ

ด้านนางเสาวดี และนางอุไร ร่าเริง แม่ของน้องเอ กล่าวว่า หลังได้พูดคุยไกล่เกลี่ยทำความเข้าใจกันแล้ว และต่างฝ่ายต่างขอโทษซึ่งกันและกัน ก็รู้สึกสบายใจและไม่ติดใจเอาความอะไรอีก เพราะยังไงก็อยู่หมู่บ้านเดียวกันไม่อยากให้มีเรื่องบาดหมาง ขอให้ทุกอย่างยุติเพียงแค่นี้ เพื่อจะได้เป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นคงเป็นเพราะการสื่อสารผิดพลาดและไม่ได้พูดคุยกันเท่านั้น

ขณะที่นางเพียบ บอกว่า หลังได้ไกล่เกลี่ยทำความเข้าใจกันแล้วก็รู้สึกโล่งอกและสบายใจขึ้น จากที่ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าเครียดมาก เพราะไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องราวใหญ่โต เพราะแท้ที่จริงแล้วสิ่งที่ทำลงไปก็เพียงต้องการอบรมสั่งสอนให้เด็กรู้จักผิดถูกเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายเด็ก แต่เมื่อได้พูดคุยขอโทษกันแล้วก็ไม่ติดใจอะไรกันอีก รับปากว่าจะเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันมีอะไรก็จะช่วยเหลือกัน ดีใจที่เรื่องจบลงด้วยดี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน