สาวร้องถูกแฮกโมบายแบงก์กิ้ง สวมรอยเป็นเจ้าของร้านทอง ทั้งที่บ้านยากจน โดนแจ้งข้อหาฉ้อโกง วอนช่วย พบพิรุธบัญชีปลายทางซื้อมือถือโอนเงิน 1 บาท 20 ครั้ง

เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. นางศิวาภรณ์ หรือฝน แก้วดำ อายุ 31 ปี อาชีพรับจ้างกรีดยางพารา อยู่บ้านที่ ม.6 ต.เขาวิเศษ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง เข้าร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าวว่า ถูกแจ้งความดำเนินคดีว่าไปหลอกไลน์สดขายสินค้าออนไลน์ เป็นทองคำรูปพรรณ เป็นเงินจำนวน 44,502 บาท

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

ทำธุรกรรมโอนเงินผ่านแอพของธนาคารเข้ามา 3 ครั้ง แต่ไม่ได้รับสินค้า จึงถูกผู้เสียหาย คือ น.ส.นวลหงส์ สารธรรม แจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.วังสมบูรณ์ ภ.จว.สระแก้ว และได้รับหมายเรียกให้ไปพบ ร.ต.อ.ธงชัย หนักแน่น รอง สว.(สอบสวน) สภ.วังสมบูรณ์ ในวันที่ 15 มิ.ย.นี้

นางศิวาภรณ์ กล่าวว่า หลังจากตนทราบเรื่องก็ตกใจมาก จู่ๆ ก็มีหมายเรียกจาก สภ.วังสมบูรณ์ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่า ถูกแจ้งข้อหาฉ้อโกง มีผู้เสียหายซื้อทองแต่ไม่ได้รับทอง ซึ่งเงินได้เข้ามายังบัญชีตน คือหมายเลข 9160520809 ธนาคารกรุงไทย สาขาย่านตาขาว จ.ตรัง และผู้เสียหายมาแจ้งความดำเนินคดี

ซึ่งตนชี้แจงว่าไม่เกี่ยวข้อง แต่ทางผู้เสียหายไม่ฟังบอกจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และขู่หากไม่ขึ้นไปพบตามหมายเรียก จะต้องมีหมายจับตามมา ขณะที่ทางพนักงานสอบสวน สภ.วังสมบูรณ์ แนะนำให้ตนเตรียมเอกสารไว้ทั้งหมดก่อนมาพบเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง

นางศิวาภรณ์ ผู้เสียหาย เล่าต่อว่า ต้นเรื่องเกิดจากเมื่อคืนวันที่ 12 พ.ค. ตนดูการไลฟ์สดพร้อมสั่งซื้อโทรศัพท์มือถือมา 1 เครื่อง พร้อมโอนเงิน จำนวน 1,705 บาท จากราคาเต็ม 4,000 กว่าบาท ช่วงที่โอนก็มีแชทเด้งขึ้นมาแชทหนึ่ง ที่ใช้ชื่อและภาพโปรไฟล์เดียวกับไลฟ์สด ขอเอกสารหลักฐานการโอน ขอภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชน วางคู่กับบัตร เอทีเอ็ม อ้างว่าจะนำข้อมูลไปกรอกในใบกำกับภาษี ที่อยู่คู่กับกล่องโทรศัพท์ และยังขอรหัสบัตรเอทีเอ็ม ซึ่งตนก็ส่งไปให้ ระหว่างนั้นขอรหัส OTP ที่ส่งมาให้ตามขั้นตอน

หลังจากนั้นวันเดียวกันเงินได้หายออกจากบัญชีตนไป 7,000 บาท จากเงินฝากออมทรัพย์ วันต่อมาตนจึงคิดว่าถูกหลอก จึงไปแจ้งความที่ สภ.เขาวิเศษ ว่าถูกหลอก พร้อมไปแจ้งกับธนาคารขออายัดบัตรเอทีเอ็ม และระงับการทำธุรกรรมทางการเงิน เบิก-ถอนเงินจากหน้าเคาน์เตอร์เท่านั้น

ซึ่งตอนที่เขาขอรหัสบัตรเอทีเอ็ม ตนก็ฉุดคิดว่าขอทำไม แต่เขาอ้างว่าทางบริษัทมีเงินเข้า-ออกเยอะ จึงอยากเช็คยอดเงินของตน จึงยอมให้ไป กลัวไม่ได้ของด้วย แต่ขณะนี้ของก็ได้รับมือถือที่สั่งซื้อแล้ว ก่อนหน้านี้ตนเข้าใจว่าธนาคารจะปิดแบงก์กิ้งไปแล้ว เพราะได้บอกกับเจ้าหน้าที่ธนาคารว่า ขอปิดทำธุรกรรมทางการเงินที่ผ่านทางแอพพลิเคชั่นทั้งหมด แต่ธนาคารยังไม่ปิด

จนกระทั่งวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีหมายเรียกมาที่ตนจึงรู้ว่าธนาคารยังไม่ปิด ปรากฏว่ามีเงินโอนเข้า-ออกผ่านบัญชีของตน ตั้งแต่วันที่ 15-20 พ.ค.63 กว่า 1 แสนบาท ตนไม่รู้เลยว่าเป็นเงินมาจากไหน เพราะตนไม่ได้รับเงินนั้นเลย แต่เข้าผ่านทางบัญชีของตนมา

ทางธนาคารแจ้งว่าเป็นตัวโมบายแบงก์กิ้ง เพราะยังไม่ปิดและที่น่าสังเกตและผิดปกติเพราะ มีเงินโอเข้าจากบัญชี เลขที่ 004-388314354 ธนาคารกสิกรไทย ซึ่งเป็นบัญชีตนโอนเงินเข้าไปซื้อโทรศัพท์ โอนเงินเข้าออกบัญชีของตนกว่า 20 ครั้ง เป็นยอดเงินโอน 1 บาท 17 ครั้ง ยอดโอน 13 บาท 1 ครั้ง ยอด 4 บาท 1 ครั้ง และ 10 สตางค์อีก 1 ครั้ง

นางศิวาภรณ์ กล่าวทั้งน้ำตาว่า หลังจากเกิดเรื่อง ตนได้รับผลกระทบมาก งานการไม่ได้ทำ ต้องเดินเรื่องเอกสาร ไม่มีเงินใช้จ่าย ต้องใช้เงินจากพี่สาว ปกติกรีดยางอยู่กับบ้านกับลูกและสามี ตอนนี้ไม่สามารถกรีดยางได้ เรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นบทเรียนที่ล้ำค่าสำหรับคนที่สั่งของออนไลน์ ฝากเตือนเป็นอุทาหรณ์คนที่ไม่รู้ อย่านำข้อมูลบัตรเอทีเอ็ม หรือบัตรประจำตัวประชาชนให้ใครง่ายๆ เพราะอาจจะเกิดขึ้นเหมือนตน

“หลังจากที่มีคนแจ้งความ เข้าใจว่าดิฉันเป็นเจ้าของร้านทอง มันไม่เป็นความจริงเลย เพราะจากสภาพความเป็นอยู่ของดิฉัน มันตรงข้ามกับเจ้าของธุรกิจร้านทองเลย ตอนนี้รู้สึกเครียดมาก กินข้าวไม่ลง นอนไม่หลับ อยากขอความเป็นธรรมกับผู้มีอำนาจ ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย อยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยคลี่คลายคดีนี้ให้เร็วที่สุด ก็ไม่รู้ว่าจะเดินทางไปที่ จ.สระแก้ว อย่างไร ลูกก็ยังเล็ก รายได้ก็ไม่มี ชีวิตลำบากมาก” นางศิวาภรณ์ กล่าว

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของ นางศิวาภรณ์ หรือฝน อาศัยอยู่กับสามีและลูกสาววัย 2 ขวบเศษ มีอาชีพรับจ้างกรีดยางพารา ดูจากสภาพบ้านเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ค่อนข้างแคบ สภาพซอมซ่อและเริ่มผุพัง มีความอยู่อย่างแร้นแค้นยากลำบาก ความเป็นอยู่ตรงข้ามกับฐานะของคนที่เป็นเจ้าของธุรกิจร้านทองโดยสิ้นเชิง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน