แฉกลโกงลูกจ้างสาวสถาบันการเงินชุมชนตำบลทรายทอง ประจวบคีรีขันธ์ ยักยอก 5 ล้าน รับตกแต่งบัญชีทำนาน 10 ปี หาเงินเลี้ยงลูก ผ่อนรถยนต์ 2 คัน

เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ความคืบหน้าในคดีที่ชาวบ้านต.ทรายทอง หลายสิบราย เข้าร้องขอความเป็นธรรมกับ พ.ต.อ.พสิษฐ์ ก้อนสิน ผกก.สภ.บางสะพานน้อย กรณีไม่สามารถเบิกเงินจากบัญชีเงินฝากของตนเองจากซึ่งฝากไว้กับ สถาบันการเงินชุมชนตำบลทรายทองได้ โดยชาวบ้านทยอยแจ้งความ เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง คาดการความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบ้าน เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ที่ผ่านมานั้น

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

พ.ต.อ.พสิษฐ์ เปิดเผยว่า ในคดีนี้ทาง พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผบช.ภ.7 สั่งการให้ตั้งคณะทำงาน โดยให้ พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ แต่งตั้งสืบสวนสอบสวน ภูธรจังหหวัดประจวบคีรีขันธ์ ลงพื้นอำเภอบางสะพานน้อย เพื่อร่วมกับพื้นที่ทำการสืบสวนสอบสวนให้กระบวนการเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ โปร่งและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และเพื่อเร่งรัดคดีให้เกิดความรวดเร็ว เนื่องจากมีประชาชนที่ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก

โดยหลังจากรับแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ สถาบันการเงินตำบลทรายทอง เนื่องจากไม่สามารถเบิกเงินที่ได้นั้น เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำชาวบ้านผู้เสียหายไปแล้ว กว่า 20 ปาก กระทั้งช่วงเย็นของวันที่ 23 มิ.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายจับ ศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เข้าจับกุมตัว น.ส.ศิริวรรณ หรือเบียร์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี ลูกจ้างรับฝากเงินของ สถาบันการเงินชุมชนตำบลทรายทอง ได้ที่บ้านพัก หมู่ที่ 8 ต.ทรายทอง อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยควบคุมตัวกลับมาสอบปากคำที่ สภ.บางสะพานน้อย

เจ้าหน้าที่ไม่ได้นิ่งนอนใจ หลังพอทราบข้อมูลว่าผู้ก่อเหตุเป็นบุคคลใด ตนสั่งให้เจ้าหน้าชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าว และจัดกำลังไปเฝ้าที่บ้านของลูกจ้างคนดังกล่าวทันที เพื่อป้องกันการหลบหนีออกนอกจังหวัด กระทั่งรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถขอออกหมายจับได้ดังกล่าว

ทั้งนี้ในชั้นพนักงานสอบสวน น.ส.ศิริวรรณ ให้การรับสารภาพว่า ทำงานเป็นลูกจ้างสถาบันการเงินชุมชนตำบลทรายทอง ดังกล่าวมานานกว่า 10 ปี มีหน้าที่รับฝากเบิกถอนเงินจากสมาชิกให้สถาบันฯ และเป็นผู้นำเงินสดที่เก็บรักษาไว้ใน สถาบันการเงินชุมชนตำบลทรายทองออกไปใช้จ่าย ทยอยนำเงินออกไปที่น้อย ครั้งละไม่กี่พันบาท

โดยเงินก้อนที่เยอะที่สุดที่นำไปคือเงินสด 5 หมื่นบาท โดยเริ่มทำตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ.2550 ทำเรื่อยมาจนกระทั่งถึงเดือนพฤษภาคม 2563 เพื่อนำไปใช้จ่ายซื้อสิ่งของ เลี้ยงดูลูก 2 คน และผ่อนรถยนต์อีก 2 คัน นับรวมเงินที่นำออกไปจากสถาบันฯ ประมาณ 5 ล้านบาท กระทั่งตรวจสอบว่าเงินหายไปดังกล่าว

เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อกล่าวหาลักทรัพย์นายจ้าง โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งปรับ นำตัวฝากขังที่เรือนจำประจวบคีรีขันธ์ต่อไป

แหล่งข่าวรายหนึ่งระบุว่า หลังปรากฎเหตุว่า สมาชิกของสถาบันฯไม่สามารถเบิกถอนเงินในบัญชีออกมาได้ หลายครั้งเข้า ทางคณะกรรมการสถาบันฯ จึงประสานเจ้าหน้าที่ประชารัฐ กองทุนหมู่บ้าน (ก.ท.บ.) จ.ประจวบคีรีขันธ์ เข้าตรวจสอบบัญชีของสถาบันการเงินตำบลทรายหอง กระทั่งพบว่าเงินหายออกไปจากบัญชี รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 8,452,258 บาท

โดยใช้วิธีการตกแต่งบัญชี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติมว่า มีบุคคลเกี่ยวข้องเพิ่มเติมในคดีดังกล่าวหรือไม่ โดยเป็นที่น่าสังเกตว่า สถาบันการเงินตำบลทรายทอง ไม่มีการตรวจสอบบัญชีประจำปีตามกฎหมายมาก่อน จึงเป็นช่องว่างให้ลูกจ้างรายนี้ก่อเหตุลักทรัพย์ได้ดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม สำหรับเงินฝากที่หายไปนั้น ตามกฎหมายคณะกรรมการของสถาบันการเงินตำบลทรายทองจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบชำระคืนให้กับสมาชิก ซึ่งนำเงินมาฝากให้กับสถาบันฯ ให้ครบทั้งหมด เนื่องจากตามกฎหมายเป็นการฝากเงินกับสถาบันฯ ไม่ใช่การฝากเงินกับตัวบุคคล ส่วนสถาบันการเงินตำบลทรายทอง จะฟ้องร้องคดีทางแพ่งกับลูกจ้างคนดังกล่าว จากเหตุลักทรัพย์นายจ้าง เป็นอีกประเด็นหนึ่ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน