จากกรณี น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 25 ปี ชาว จ.สุรินทร์ ออกมาร้องขอความช่วยเหลือ อ้างว่าถูก นายขิง อายุ 28 ปี อดีตแฟนหนุ่ม ชาว อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ หลอกยืมรถเก๋งมาสด้า 2 สีขาว ทะเบียน 8กถ-9843 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถของพ่อไปเมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา แล้วไม่ยอมส่งคืน เป็นเวลาเกือบ 4 เดือนแล้ว พอโทรศัพท์ไปทวงถามก็บ่ายเบี่ยง และมาทราบว่า นายขิง เอารถส่งขายประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น อ่านข่าว สาวช้ำ! อดีตแฟนยืมรถเก๋ง หายไป 4 เดือน โทรถามบอกขายแล้ว ท้าแจ้งความ-รู้จักทหาร

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

ล่าสุดวันที่ 5 ส.ค. นายขิง ได้ออกมาโต้แฟนสาวว่า ตนกับแฟนคบหากันมาร่วม 2 ปี ทำธุรกิจเช่ารถด้วยกัน รถแต่ละคันต้องส่งค่างวด เมื่อเก็บค่าเช่ามาได้ ส่วนหนึ่งต้องแบ่งให้เป็นค่างวดรถ ซึ่งจะต้องจ่ายเดือนละกว่า 100,000 บาท จากที่ออกรถมาด้วยกัน 6 คัน เพียงแต่รถจะเป็นชื่อของญาติฝั่งแฟน

ที่ผ่านมา ค่าใช้จ่ายต่างๆ ตนไม่เคยลงบัญชี ไม่เคยทำสัญญาใดๆ เพราะคิดว่าจะใช้ชีวิตคู่ด้วยกันไปตลอด การที่ตนเอารถมาใช้ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะเป็นสามีภรรยากัน แต่สิ่งที่แฟนสาวให้ข่าวไปนั้นถือว่าพูดไม่หมด และไทม์ไลน์ที่ออกไปทางสื่อก็ไม่ตรงกับความเป็นจริง เช่น การอ้างว่าตนยืมรถไปที่ จ.ลพบุรี เมื่อวันที่ 22 เม.ย.แล้วหายไปเลย ไม่เป็นความจริง เพราะรถยังอยู่กับตน

เพราะวันนั้นไปกับแฟนด้วยกันแต่ขับรถคนละคัน เพื่อไปดูรถเช่าอีกคันที่เสียอยู่ที่ จ.ลพบุรี แต่กลับมาคันเดียวกันนอนค้างคืนที่ อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ แล้วก็เดินทางไปที่จังหวัดพะเยา, เชียงราย และอีกหลายจังหวัดด้วยกัน

การที่แฟนสาวเอาเรื่องไปร้องสื่อ ทำให้ตนได้รับความเสียหาย ลูกค้าไม่เชื่อมั่น รวมถึงเพื่อนร่วมธุรกิจรถเช่าก็ไม่กล้าคบหากับตน จริงๆ แล้วแฟนค้างเงินตนอยู่ 120,000 บาท ส่วนตัวคิดว่าเป็นเงินเล็กน้อย คืนหรือไม่คืนก็ได้ กรณีแฟนอ้างว่าไม่มีรถใช้ก็ไม่เป็นความจริง เพราะแฟนมีรถอยู่ 3 คัน

ส่วนรถที่เป็นชื่อของพ่อเขา ตนไม่เอาอยู่แล้ว ตั้งใจจะเอาไปคืน แต่มาเกิดเรื่องกันก่อน การแจ้งความกับตำรวจตนไม่กลัว เพราะมีหลักฐานมากมายมาอ้างว่าอยู่กินกันแบบสามีภรรยา และทำธุรกิจด้วยกัน สิ่งที่อยากจะถามกลับไปยังแฟนสาวว่า ทำให้ตนเสียหายแล้วใครจะรับผิดชอบ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน