เมื่อวันที่ 16 ส.ค. พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีเพษ (ดีเอสไอ) ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กองพลทหารรายที่ 9 ธนารักษ์พื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ร่วมกันตรวจสอบกลุ่มนายทุนและบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน ครอบครองที่ดินราชพัสดุโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อประกอบกิจการในทางเกษตรกรรมอันเป็นธุรกิจที่ไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบกิจการ ตามบัญชี 1 ของพระราชบัญญติประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ในพื้นที่หมู่ 12 ต.จรเข้เผือก อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี จำนวน 2 แปลง รวมเนื้อที่ 1,200 ไร่

ด้าน พ.ต.ท.ประวุธ เปิดเผยว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษดีเอสไอ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านว่า มีกลุ่มนายทุนร่วมกับบุคคลสัญชาติจีนเข้ามาซื้อ เพื่อครอบครองที่ดินของรัฐโดยไม่มีสิทธิและไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นที่ดินของราชพัสดุ โดยปลูกพืชผลทางการเกษตร และปลูกเสาปูนล้อมรั้วลวดหนามกั้นเป็นแนวไว้มีลักษณะหวงกัน ซึ่งที่ดินดังกล่าวเป็นที่ราชพัสดุที่ใช้เพื่อประโยชน์ทางการทหาร มีกองพลทหารราบที่ 9 เป็นผู้รับผิดชอบดูแลพื้นที่ การที่นายทุนต่างด้าวเข้าถือครองที่ดินอาจจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความมั่นคง และความสงบเรียบร้อยของประเทศ เนื่องจากผู้ถือครองเป็นคนต่างด้าวและพื้นที่ถือครองนั้นอยู่ใกล้ชายแดนประเทศเมียนมา ซึ่งมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ วิถีชีวิตชุมชนและทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม

พ.ต.ท.ประวุธ กล่าวต่อว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ติดกับชายแดนประเทศเมียนมา ซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ทหารราบที่ 9 ใช้ประโยชน์และมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ทหารและเป็นพื้นที่ยุทธวิธีของกองทัพภาคที่ 1 จึงมีความสุ่มเสี่ยงต่อความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศ และในพื้นที่ดังกล่าวมีการขุดสระเพื่อการกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ติดกับอ่างเก็บน้ำของชลประทาน พร้อมสร้างกำแพงคอนกรีตปิดกั้นทางน้ำ และขุดบ่อดินขนาดใหญ่อีก 2 แห่งเพื่อกักเก็บน้ำที่ไหลออกมาจากอ่างเก็บน้ำห้วยลำทรายตอนบน

ส่งผลให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนขาดแคลนน้ำกว่า 80 ครัวเรือน ลักษณะการประกอบการทางการเกษตรของนายทุนต่างชาติ มีการใช้สารเคมีอย่างรุนแรงเพื่อให้ผลิตผลจำนวนมาก และอาจไหลซึมลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยของประชาชนพื้นที่ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการตักตวงผลประโยชน์จากทรัพยากรในประเทศของเรา และมาแข่งขันการทำเกษตรเข้าลักษณะข้อหา มิให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจที่ไม่อนุญาตประกอบธุรกิจด้วยเหตุผลพิเศษที่กำหนดไว้ในบัญชีหนึ่ง ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542

ด้านพ.ต.ท.สุวรรณ ชินสุวรรณ พนง.สอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ (ชำนาญการพิเศษ) กล่าวว่า จากการสอบสวนทราบว่ามีกลุ่มทุนชาวไทยเป็นคนจัดการทุกอย่างให้และเซ็นรับรอง ก่อนที่นายทุนชาวจีนจะเข้าดำเนินการ

จากการตรวจสอบพื้นที่แปลงที่ 1 พื้นที่ 789 ไร่ พบการปลูกต้นแก้วมังกร ต้นฝรั่ง ต้นมะนาว เป็นจำนวนมาก โดยในพื้นที่นั้นจะมีแรงงานชาวจีนเดินตรวจตราความเรียบร้อยอยู่ตลอดเวลา บ่อน้ำ 3 บ่อ และบ้านพักคนงาน ในแปลงที่ 2 พื้นที่ 686 ไร่ มีท่อพีวีซีขนาดที่ใช้ในการสูบน้ำ ภายในพื้นที่พบการปลูกต้นมะนาว ต้นกล้วย เป็นจำนวนมาก ภายในพบโรงเรือน โรงนอน และคนงานทั้งชาวไทยและชาวจีน

ในพื้นที่แปลงที่ 2 นี้มีพื้นที่ติดกับชายแดน ซึ่งพื้นที่นี้ใช้ในราชการทหารของกองทัพภาคที่ 1 และมีกองพลทหารราบที่ 9 เป็นผู้ดูแล ซึ่งต่อไปเราจำเป็นต้องหารือพื้นที่ไหนควรจะสงวนหวงห้ามไม่ให้ชาวบ้านเข้าไปอยู่อย่างเช่น เขตภูเขา หรือถ้าผู้ใดจะมีกรรมสิทธิ์ที่จะเป็นเจ้าของต้องเป็นผู้ที่ต้องอยู่ในพื้นที่นั่นมาก่อน 4 ต.ค.2546 หรือในกรณีที่จะเช่าพื้นที่การจัดให้เช่าก็ต้องมีการขอผ่านทางคสช.ก่อน ซึ่งก็จะผ่านในหลายขั้นตอนอย่างมาก และต้องแจ้งด้วยว่าจะเช่าไปแล้วจะทำอะไร

ต่อมาเวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษพาสื่อมวลชนเข้าไปตรวจสอบพื้นที่บุกรุกป่าบริเวณแปลงที่ 1 พบนายโกศล บังจันทร์ อายุ 45 ปี เป็นผู้ดูแลไร่แห่งนี้ เปิดเผยว่า ตนเป็นผู้ดูแลในไร่แห่งนี้ได้ 1 ปี 8 เดือนแล้ว ตนได้ค่าจ้างเดือนละ 20,000 บาท ตนมีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยทุกอย่าง พร้อมกับงานชาวเมียนมาอีกจำนวน 20 คน ซึ่งในพื่นที่นี้ก็จะมีการปลูกต้นมะนาว ต้นมะม่วง แล้วนำผลไม้ดังกล่าวไปขายที่ตลาดศรีเมือง ซึ่งตนก็ไม่ทราบมาก่อนว่าเจ้าของได้ที่ดินนี้มาครอบครองอย่างผิดกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายโกศล บังจันทร์ คือหนึ่งในหุ้นส่วนกับบริษัทของชาวจีนที่มาบุกรุกป่าในครั้งนี้อีกด้วย อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ได้ปิดพื้นที่ถูกรุกล้ำที่ดินทั้ง 1,200 ไร่ ไว้ก่อนและจะดำเนินการเตรียมออกหมายเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน