จากกรณี น.ส.นิด (นามสมมติ) อายุ 39 ปี นักพัฒนาชุมชนชำนาญการ กองสวัสดิการสังคม อบต.แห่งหนึ่ง จ.ศรีษะเกษ ถูก นายก อบต. บีบคอ ลากเอาร่างลงมาจากบันได แล้วผลักให้ล้มลงกับพื้นที่ทางเดินก่อนขึ้นบันไดอย่างแรง จนได้รับบาดเจ็บ คาดเพราะ น.ส.นิด ไม่ยอมลงนามตรวจรับงานจ้างเหมาทำถนน เนื่องจากการก่อสร้างไม่เป็นไปตามสัญญา ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น อ่านข่าว นายกอบต. ลากลูกน้องสาวลงบันได บีบคอซ้อมน่วมกลางสนง. ฉุนโดนแฉโกงสร้างถนน

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 13 ก.ย. นายพีรพงษ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 56 ปี นายก อบต. ที่ถูก น.ส.นิด แจ้งความดำเนินคดี ได้เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุตนออกจากบ้านเพื่อไปทำงานที่ อบต.ตามปกติ และปรากฏว่า ขณะที่ตนกำลังเดินขึ้นบันได น.ส.นิด ได้เดินตามหลังตนมา และพูดจาต่อว่าตนหลายอย่าง เนื่องจากก่อนหน้านี้ตนเคยคบหากับ น.ส.นิด มาก่อน จนกระทั่งตนได้จดทะเบียนสมรสกับเจ้าหน้าที่ อบต.คนหนึ่งเพื่ออยู่กินกันฉันสามีภรรยา จึงได้เลิกคบกับ น.ส.นิด ไป

โดย น.ส.นิด ได้ต่อว่าตนด้วยถ้อยคำหยาบหลายอย่าง และทวงเงิน 3,000 บาท ที่ตนได้ยืมไป ทำให้ตนโกรธที่โดนด่าว่า จึงได้ร้องถามไปว่า “มึงจะเอาอะไรกับกู” จากนั้น ตนได้เดินกลับลงจากบันไดมา แต่ว่า น.ส.นิด ซึ่งสวมรองเท้าส้นสูงได้เสียหลักตกจากบันไดประมาณ 3 ขั้น ลงมากองอยู่กับพื้น โดยที่ตนไม่ได้บีบคอหรือว่าทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด จากนั้นตนได้ขึ้นรถเดินทางกลับบ้าน

นายพีรพงษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่ น.ส.นิด ได้รับบาดเจ็บที่เท้าข้างขวาบริเวณนิ้วก้อยนั้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ น.ส.นิด ได้รับอุบัติเหตุเพราะจูงสุนัขที่บ้านแล้วพลาดเท้าไปโดนขอบปูนทำให้นิ้วเท้าเจ็บ ไม่น่าจะเกิดจากการที่พลัดตกจากบันไดสำนักงาน ส่วนที่บริเวณหัวเข่าที่มีรอยช้ำนั้น ตนเชื่อว่า เกิดจากการพลัดตกจากบันไดจริง ตนขอยืนยันว่า ไม่ได้บีบคอทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด และขอฝากถึง น.ส.นิดว่า เราตกลงเลิกคบหากันแล้ว และตนมีครอบครัวใหม่ ควรที่จะต่างคนต่างอยู่ หากมีอะไรก็สามารถพูดจากันได้

ส่วนการที่ น.ส.นิด จะขอย้ายจาก อบต.นั้น เป็นสิทธิ์ที่จะทำได้ แต่ว่าตนไม่มีสิทธิ์สั่งย้ายออกไปอยู่ที่อื่น แต่ว่า น.ส.นิด สามารถทำงานที่เดิมได้ เพราะว่า ต่างคนต่างทำงานไม่ได้ข้องเกี่ยวกันอยู่แล้ว และที่ น.ส.นิด ไปแจ้งความดำเนินคดีกับตนนั้นเชื่อว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับเรื่องงานแต่อย่างใด

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของ น.ส.นิด ซึ่งพักอาศัยอยู่กับพ่อ โดย น.ส.นิด กล่าวว่า ที่ นายก อบต. ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำร้ายตนนั้น เป็นการพูดเท็จ เพราะว่าขณะเกิดเหตุมีผู้เห็นเหตุการณ์หลายคน ส่วนที่บอกว่า นิ้วเท้าข้างขวาของตนแตกมาก่อนนั้น อาการบาดเจ็บได้หายนานหลายวันแล้ว แต่ว่าเมื่อโดน นายก อบต.ทำร้ายทุ่มลงกับพื้นทำให้นิ้วก้อยเท้าด้านขวาแตกร้าวขึ้นมาอีก

น.ส.นิด กล่าวต่อว่า ตนไม่เคยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับ นายก อบต. เพราะว่าช่วงนั้นตนหย่าขาดจากสามี ส่วน นายก อบต.หย่าขาดจากภรรยา จึงได้เพียงแค่คบหาดูใจกันก่อนที่จะตกลงอยู่กินฉันสามีภรรยาเท่านั้น แต่ว่าเมื่อดูใจกันแล้วไปกันไม่ได้ก็ได้เลิกคบหากัน ตนขอยืนยันว่า การที่ตนโดน นายก อบต.ทำร้ายเกิดจากการที่ตนไม่ยอมเซ็นตรวจรับงานก่อสร้างถนนงบประมาณ 1,100,000 บาท ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องชู้สาวแต่อย่างใด

ด้านพ่อของ น.ส.นิด กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ตนรู้สึกเสียใจมาก เพราะคิดไม่ถึงว่าจะมีการทำร้ายร่างกายกันรุนแรงมากขนาดนี้ ตนเป็นห่วงลูกสาวมาก ขอให้ผู้ใหญ่ที่มีอำนาจได้โปรดพิจารณาย้ายลูกสาวของตนให้ออกนอกพื้นที่ไปทำงานที่อื่น หากเป็นไปได้ขอให้ย้ายมาทำงานอยู่ที่ อบต.ใกล้บ้าน เพื่อจะได้ช่วยดูแลตนที่อายุมากแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ร.ต.อ.ปรีชา นาคาแก้ว เจ้าของคดี ได้นัดหมายให้ นายพีรพงษ์ มาพบในวันที่ 14 ก.ย. เวลา 09.00 น. ที่ สภ.ราษีไศล เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและสอบปากคำ แต่เนื่องจากว่า ทนายความของ นายก อบต. ติดศาล จ.ศรีสะเกษ จึงได้ขอเลื่อนกำหนดเวลามาพบพนักงานสอบสวนเป็นเวลา 14.00 น. วันเดียวกันนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน