เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 14 ก.ย. ที่โรงละครแห่งชาติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานในพิธีไหว้ครูนาฏดุริยางคศิลป์ก่อนการแสดงมหรสพ เนื่องในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยมีพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม (วธ.) นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ตลอดจนผู้บริหารวธ. ศิลปิน และผู้ร่วมแสดงเฝ้ารับเสด็จ

ในการนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงคม ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จากนั้นทรงคม ทรงจุดธูปเทียนท้ายที่นั่งบูชาครู ทรงคม ทรงพระสุหร่าย ทรงโปรยข้าวตอกดอกไม้ที่เครื่องดนตรีไทย ทรงวางพวงมาลัยที่หน้าตะโพน ต่อมาทรงจุดธูปหางปักที่เครื่องสังเวย แล้วเริ่มพิธีไหว้ครูโดยมีนายสมบัติ แก้วสุจริต อดีตผู้ตรวจราชการวธ. เป็นผู้ประกอบพิธีไหว้ครูจนจบพิธี ทรงคมหน้าเครื่องนมัสการ ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ

พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ และบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ กล่าวว่า พิธีไหว้ครูนาฏดุริยางคศิลป์ ถือเป็นพิธีสำคัญยิ่งของศิลปินที่จัดขึ้นเพื่อความเป็นสิริมงคล สร้างขวัญกำลังใจ รวมทั้งขจัดปัดเป่าอุปสรรคทั้งปวง แก่บรรดาศิลปินและผู้ปฏิบัติงาน ให้สามารถดำเนินงานสำเร็จลุล่วงด้วยดี

อีกทั้งเป็นการแสดงถึงความกตัญญูของศิษย์ที่มีต่อครูผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้สืบทอดกันมาแต่โบราณ ทั้งนี้ ในการแสดงมหรสพสมโภชเนื่องในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ โดยมีผู้แสดง ผู้บรรเลง และผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสิ้นประมาณ 2,000 คน จากสำนักการสังคีต กรมศิลปากร วิทยาลัยนาฏศิลป สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ สถาบันมูลนิธิกัลยาณิวัฒนา วงดนตรี อ.ส.วันศุกร์ วงสหายพัฒนา โรงเรียนราชินีกรมดุริยางค์ทหารบก กองดุริยางค์ทหารเรือ กองดุริยางค์ทหารอากาศ กองสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ วงดนตรีซียูแบรนด์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า สำหรับการแสดงมหรสพสมโภช เนื่องในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ประกอบด้วยการแสดงหน้าพระที่นั่งทรงธรรม และการแสดง ณ เวทีกลางแจ้ง บริเวณสนามหลวง บริเวณด้านทิศเหนือ 3 เวที ประกอบด้วย เวทีที่ 1 การแสดงหนังใหญ่และโขน เวทีที่ 2 การแสดงละคร หุ่นหลวง และหุ่นกระบอก เวทีที่ 3 การบรรเลงดนตรีสากล ใช้ผู้แสดง บรรเลง ขับร้อง และผู้ปฏิบัติงานอื่นๆ รวมทั้งสิ้นประมาณ 2,000 คน โดยการแสดงในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานหลายภาคส่วน

ขณะที่นายสุธีศักดิ์ ภักดีเทวา ครูโจ้ เดอะสตาร์ ผู้ออกแบบท่าเต้นและกำกับการแสดง ‘มโนห์ราบัลเลต์’ กล่าวว่า สำหรับการแสดงมโนห์ราบัลเลต์’จะอยู่ เวทีที่ 2 ซึ่งเป็นเวทีแสดงละคร ในการแสดงมหรสพสมโภชเนื่องในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ เนื่องจากมโนห์ราบัลเลต์เป็นบทพระราชนิพนธ์ของในหลวงร.9 ซึ่งทรงพระราชนิพนธ์บทเพลงตั้งแต่เริ่มต้นที่พรานบุญจับมโนราห์มาถวายพระสุธน รวมถึงฉากเต้นรำที่ใช้เพลงพระราชนิพนธ์ อาทิ พระอาทิตย์อับแสง กินรีสวีท

นายสุธีศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าการฝึกซ้อมการแสดง ขณะนี้ฝึกซ้อมไป 90 เปอร์เซ็นต์ เหลือเพียงฉากสุดท้าย (ฉากฟินนาเล่) โดยเป็นการแสดงที่พระสุธนเริ่มรักมโนราห์และมีสิงห์สาราสัตว์มาร่วมแสดงความยินดี โดยในส่วนตัวเรื่องดัดแปลงมาจากละครวรรณคดีไทย แต่เรามีปรับให้เรื่องถ่ายทอดถึงความรัก โดยที่ไม่มีการบูชายันต์ และจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งแบบฝรั่งเลย

“พระองค์ทรงทอดพระเนตรมโนราห์ของใต้ แล้วทรงอยากถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรมตรงนี้ให้ออกไปทางตะวันตก ซึ่งก็ถือเป็นพระอัจฉริยภาพมาก เพราะทรงคิดที่จะรวมตะวันออกกับตกผ่านการถ่ายทำละครด้วยพระองค์เองในสมัย 2505 ซึ่งตอนนั้นฮือฮามาก ทรงเอาบัลเลต์กับมโนราห์มาประพันธ์เป็นเรื่องและบทเพลง ส่วนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงให้ศิลปินต่างประเทศมาออกแบบเครื่องแต่งกายให้ ทุกอย่างเป็นผ้าไหมหมด มีความสวยงาม” นายสุธีศักดิ์ กล่าว

โดยการแสดงครั้งนี้จัดทำเครื่องแต่งกายใหม่ทั้งหมด โดยใช้ดีไซเนอร์ชาวไทย อีกทั้งพัฒนาให้เป็นอีกเวอร์ชั่นหนึ่งของพระองค์ โดยเน้นว่าพระองค์ทรงเน้นตัวละครไหน แล้วอยากให้ภาพเป็นอย่างไร เพื่อจะมาทำเทคนิคตัวแสดง อาทิ นกยูงจะต้องกระตุกแล้วรำแพนหางได้ งูจะต้องเลื้อยอย่างเป็นธรรมชาติ ตัวกินรีจะเป็นสีทอง ที่ใช้ขนนกจริงๆย้อม 7 สี ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากจิตรกรรมบนพระระเบียงคต วัดพระศรีรัตนศาสดาราม รวมถึงการใช้ผ้าแทนสายน้ำแต่มีความพิเศษกว่า ตลอดจนการแสดงหนังใหญ่มาร่วมแสดง ก็ถือว่าเป็นการแสดงที่ใหญ่โตมากมพระราชประสงค์ที่ได้พระราชนิพนธ์ไว้ ขณะที่ท่าเต้นก็คิดใหม่หมด แต่นำเอกลักษณ์ท่าเต้นเก่ามาร่วมพิจารณา โดยนักแสดงทั้งหมด 99 คน ซึ่งมาจากการคัดเลือกจากทั่วประเทศ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน