ผอ.โรงเรียนดังขอนแก่น ยืนยันถูกกลั่นแกล้ง จากกรณีที่ น.ส.ภวรรค์อัมพร แถวโนนงิ้ว ครูภาษาไทยโรงเรียนบ้านทุ่งมน ต.บ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น พานักเรียนหญิงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 5 คน เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.ประนอม มะลาหอม สว.(สอบสวน) สภ.บ้านไผ่ ว่า นักเรียนหญิงทั้งหมด ถูกผู้อำนวยการโรงเรียนลวนลาม

โดยเด็กหญิงทั้ง 5 คน ต่างให้การตรงกันว่า ถูกผู้อำนวยการโรงเรียนมักจะมาโอบกอด ลูบไล้ที่แขน ที่หลัง และถามว่า มีเงินใช้หรือไม่ ถ้าไม่มีให้เข้าไปหาที่ห้องทำงาน และถามว่ามีแฟนกันหรือยัง ซึ่งทุกคนเชื่อว่า การกระทำดังกล่าว คือการลวนลาม ไม่ใช่ความเอ็นดูที่ครูมีต่อนักเรียน จึงนำเรื่องบอกผู้ปกครอง และบอกครูภาษาไทย ซึ่งผู้ปกครองมอบหมายให้ครูภาษาไทย เป็นตัวแทนพานักเรียนเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.บ้านไผ่ ดังกล่าว และจะไม่มีการยอมความ ทั้งยังขอเรียกร้องให้ย้ายผู้อำนวยการออกจากโรงเรียนโดยเร็วที่สุด ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 13 ต.ค.2563 ผู้สื่อข่าวโทรศัพท์สอบถามไปยัง ผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งถูกนักเรียนแจ้งความเอาผิดในเรื่องดังกล่าว ผอ.รายนี้ เปิดเผยว่า กรณีที่เกิดขึ้นนั้นยืนยันว่าตนเองไม่ได้มีพฤติกรรมตามที่ครูภาษาไทยกล่าวหาแต่อย่างใด และมั่นใจว่าเป็นการถูกกลั่นแกล้งจากครูภาษาไทยคนนี้ โดยเสี้ยมสอนให้เด็กพูดใส่ร้าย

“ครูภาษาไทยคนดังกล่าวนี้มักจะหาเรื่องมาโจมตี ผมอยู่เรื่อยๆ ทั้งเรื่องอาหารกลางวัน เรื่องโครงการต่างๆของโรงเรียน และก็มาเรื่องล่าสุด คือเรื่องที่กล่าวหาว่าผมไปลวนลามเด็กนักเรียนหญิง โดยยืนยันว่าไม่เคยประพฤติตัวหรือมีพฤติกรรมตามที่ถูกกล่าวหา และทั้งโรงเรียนมีกล้องวงจรปิดครบทุกมุม ไม่เคยไปแอบตามซอกมุมกับนักเรียนอย่างที่ครูกล่าวหาแต่อย่างใด”

ผอ.ผู้ถูกกล่าวหา กล่าวต่ออีกว่า ในเรื่องเงินที่กล่าวหาว่าตนเองถามนักเรียนว่ามีเงินใช้อย่างนั้นอย่างนี้ ข้อเท็จจริงคือ พ่อกับแม่นักเรียนรายนี้แยกทางกัน ด้วยความเป็นครูก็เป็นห่วงลูกศิษย์จะหาทุนการศึกษามาให้ จึงถามข้อมูลจากเด็กว่าอยู่อย่างไรและเคยได้รับทุนการศึกษาหรือไม่ เด็กนักเรียนก็บอกว่าไม่เคยได้รับ

” ในฐานะครูจึงนำเรื่องเข้าที่ประชุมเพื่อหาทางช่วยเหลือเด็กนักเรียนคนดังกล่าว ส่วยคนอื่นๆก็เป็นลักษณะเช่นเดียวกัน ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปในเชิงชู้สาวแต่อย่างใด แต่ตนเองก็ยังต้องใจเย็น และอดทน เพราะครูภาษาไทยก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ก็ต้องรอดูท่าทีไปก่อน หากมากเกินไปก็จะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน