เมื่อวันที่ 22 ก.ย. ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กลุ่มเครือข่ายประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน นำโดยนายประสิทธิชัย หนูนวล และกลุ่มชาวบ้านจาก 4 ภาค อาทิ จ.อุดรธานี ชัยภูมิ สงขลา ปัตตานี กระบี่ พัทลุง สระบุรี ลำปาง กว่า 50 คน รวมกันเรียกร้องให้ปรับแก้ร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมฉบับใหม่

โดยตัวแทนจาก 4 ภาคอ่านแถลงการณ์ ระบุว่า การรวมตัวของประชาชนทั้ง 4 ภาคเกิดขึ้นจากความทุกข์ยากที่สะสมมานานหลายสิบปีจากกระบวนการทำรายงานผละกระทบสิ่งแวดล้อมที่เห็นประชาชนเป็นเพียงตุ๊กตาที่มาประดับประดารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้มีความชอบธรรม ส่วนความย่ำแย่ การทำลาย และความขัดแย้งทั้งหลายที่เกิดจากกระบวนการประเมินผลกระทบตกอยู่กับพื้นที่ชุมชน แม้ว่าประชาชนทั่วสารทิศจะเดินทางมายังสผ. เพื่อบอกกล่าว ส่งเอกสารมานับ 100 ฉบับ สะท้อนในเวทีประชุมนับ 1,000 เวที แต่เสียงเหล่านี้ไม่มีผลใดต่อรัฐในการเปลี่ยนแปลง
ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา ประชาชนพยายามสะท้อนเรื่องนี้มากขึ้น เพราะกฎหมายการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมก่อความขัดแย้งรุนแรงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะพ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมฉบับใหม่กำลังถูกร่างขึ้น กลับเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม ไม่สนองเจตนารมณ์การรักษาสิ่งแวดล้อมและเจตนารมณ์ในรัฐธรรมนูญตามมาตรา 58 สุดท้ายขอเรียกร้องของประชาชนไม่ได้รับการเหลียวแลจากกระทรวงแต่อย่างใด พฤติกรรมเช่นนี้เป็นพฤติกรรมเดิมเหมือน 10 ปีที่ผ่านมา รัฐนั้นไม่เคยเปลี่ยน

โดยกลุ่มเครือข่ายฯ เรียกร้อง 3 ประเด็นหลักฯ คือ 1.ระบบของการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ควรมีการประเมินระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment – SEA ) ที่เป็นการประเมินด้านศักยภาพและข้อจำกัดด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยให้เห็นความเหมาะสมกับพื้นที่และเป้าหมายของการพัฒนา หากว่าสอดคล้องจึงค่อยจัดทำอีไอเอหรืออีเอชไอเอ หากไม่สอดคล้องต้องไม่ดำเนินโครงการนั้น 2.ควรตัดมาตรา 53 วรรค 4 ออกจากร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมฯ ซึ่งเป็นการนำคำสั่ง คสช.ที่ 9/2559 มาบัญญัติไว้ ในกรณีมีความจำเป็นเร่งด้วย สามารถดำเนินโครงการไปก่อนได้ในระหว่างรอผลพิจารณาอีไอเอนั้น และ 3.องค์การบริหารจัดการระบบประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมควรแยกเป็นหน่วยงานอิสระ หรือหน่วยงานกลาง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาทางกระทรวงทรัพยากรฯ ได้เชิญกลุ่มเครือข่ายเข้าไปพูดคุยในห้องประชุม โดยมีนายสมชัย มาเสถียร รองปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ และนายสุโข อุบลทิพย์ รองเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เข้ารับเรื่องร้องเรียนกับชาวบ้าน

นายสมชัย กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรฯ จะนำข้อเรียกร้องของชาวบ้านทุกอย่างไปนำเสนอกับผู้บริหารระดับสูง ซึ่งหากเป็นข้อกฎหมายที่ทางกระทรวงทรัพยากรฯ ได้พิจารณาและเห็นว่าสามารถปรับแก้ไขได้ ทางกระทรวงทรัพยากรฯ จะดำเนินการให้ทันที แต่หากเป็นข้อกฎหมายที่อยู่เหนืออำนาจของกระทรวงทรัพยากรฯ เราจะส่งต่อให้ผู้มีอำนาจเหนือกว่าในการพิจารณาตามข้อเรียกร้องของชาวบ้าน

ขณะที่นายสุโข กล่าวเสริมว่า คณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) ซึ่งเป็นผู้ที่พิจารณารายงานอีไอเอ อีเอชไอเอ ล้วนทำตามข้อกฎหมายทั้งสิ้น และผู้ทรงคุณวุฒิ บางท่านเป็นถึงอาจารย์ เป็นนักวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง จึงอยากให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าคชก.ได้มีการพิจารณารายงานดังกล่าวอย่างเป็นธรรมและรอบด้านแล้ว

ด้าน นายประสิทธิชัย กล่าวว่า ตนและกลุ่มชาวบ้านต่างเดินทางมาเรียกร้องที่สผ. และกระทรวงทรัพยาฯ อย่างต่อเนื่อง แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่เคยได้รับการแก้ไข ตั้งแต่มีพ.ร.บ.ส่งเสริมฯ เมื่อปี 2535 ทรัพยากรป่าไม้กลับลดลง มลพิษเพิ่มขึ้น ชุมชนที่อยู่กับสิ่งแวดล้อมกลับมีชีวิตที่แย่ลง ครั้งนี้ทำเนียบรัฐบาลต้องเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะกระทรวงทรัพยากรฯไร้ความสามารถที่จะปกป้องสิ่งแวดล้อมไว้ได้ ขณะที่บริษัทที่ปรึกษาที่รับทำรายงานอีไอเอ-อีเอชไอเอ กลับไม่ต้องรับผิดชอบเมื่อรายงานที่ทำเป็นเท็จ และสร้างหายนะให้กับชุมชนและสิ่งแวดล้อม ส่วนคชก.ก็ใช้ปลายปากกามาทำร้ายคนจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ภายหลังการพูดคุยระหว่างกลุ่มเครือข่ายและกระทรวงทรัพยากรฯ สุดท้ายสร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มชาวบ้าน เนื่องจากเป็นปัญหาที่ค้างคามานานนับ 10 ปี และชาวบ้านไม่ได้รับการแก้ปัญหาจากหน่วยงานภาครัฐแต่อย่างใด กลุ่มเครือข่ายฯ จึงออกแถลงการณ์เพิ่มเติม

โดยระบุว่า ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน นี้ จะมีการชุมนุมยืดเยื้อของประชาชนทั้ง 4 ภาคจนกว่าพ.ร.บ.รักษาและส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และประกาศกระทรวงว่าด้วยขั้นตอนการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมจะได้รับการแก้ไขเพื่อสนองเจตนารมณ์ของการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง รวมถึงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 58 ที่จะต้องยึดถือการักษาสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ

ทั้งนี้ขอให้ภาคประชาชนที่เข้าไปช่วยรัฐบาลชุดนี้ทำกฎหมายสิ่งแวดล้อมจงแสดงท่าทีที่เป็นการแสดงจุดยืนว่าจะรักษาสิ่งแวดล้อมมากกว่าการับใช้รัฐบาลคสช.

สำหรับวันเวลาที่จะเคลื่อนไหวแสดงเจตนารมณ์นั้น ทางเครือข่ายจะประกาศให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง และขอเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศร่วมกันปกป้องสิ่งแวดล้อมของเราไว้ อย่าให้ถูกทำลายมากไปกว่านี้จนกลายเป็นความวิบัติของประเทศ เราได้พยายามทุกวิถีทางแล้ว แต่เสียงประชาชนไม่มีความหมายสำหรับรัฐบาลคสช. ขอให้ประชาชนทุกออกมาร่วมกันปกป้องสิ่งแวดล้อมของประเทศโดยพร้อมเพรียงกันก่อนที่ประเทศนี้จะไม่มีอะไรให้ปกป้องอีกต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน