เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลาเอนกประสงค์วัดต้นไคร้ ต.ช่อแฮ อ.เมือง จ.แพร่ มีพิธีบำเพ็ญกุศลศพของ น.ส.วิจิตรา จันทร์ตาพรม อายุ 35 ปี ที่เสียชีวิตจากการสั่งซื้อยาผิวขาวและเพิ่มขนาดหน้าอกจากทางเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 19 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยญาติจะทำการฌาปนกิจในวันที่ 24 ก.ย. นี้ โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า มีบรรดาญาติ เพื่อนๆ และคนในละแวกหมู่บ้านมาร่วมงาน ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 22 ก.ย.เป็นวันเกิดของผู้ตายด้วย เพื่อนของน.ส.วิจิตรานำเค้กวันเกิดไปตั้งไว้ที่หน้าโลงศพ ท่ามกลางบรรยากาศที่เศร้าสลด

น.ส.กมลชนก กองโกย อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 131/1 หมู่ 5 ต.ช่อแฮ อ.เมือง จ.แพร่ กล่าวว่า ผู้ตายมีศักดิ์เป็นน้าอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน มีสามีและบุตร 1 คน อายุเพียง 7 ปี เท่านั้น น้าสาวทำงานในโรงงานเฟอร์นิเจอร์น็อคดาวน์แห่งหนึ่งในชุมชน ทำงานให้กับกลุ่มสตรีในหมู่บ้านมีความขยันขันแข็งดูแลครอบครัวและงานสังคมในชุมชนเป็นอย่างดี ไม่ทราบว่าเวลาใดที่น้าซื้อยามารับประทาน รวมทั้งสั่งซื้อยาผ่านเฟซบุ๊กนำมาใช้ เพื่อต้องการให้ผิวขาวและเพิ่มขนาดหน้าอก โดยยามีลักษณะเป็นยาสมุนไพรบรรจุในแค็ปซูล รับประทานวันละ 2 เม็ด

“รู้ว่าน้ากินยาตัวนี้ไปแล้วเห็นผลดี ผิวพรรณใบหน้าสดใสขึ้นจริง จึงกินยาชนิดนี้อย่างต่อเนื่อง แถมยังบอกต่อให้เพื่อนๆ แบ่งไปใช้ แต่เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมาน้ามีอาการใบหน้าบวม จึงไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าเป็นอาการของโปรตีนรั่ว ภายหลังแพทย์จากโรงพยาบาลพบว่าเป็นโรคไตระยะเริ่มต้น รักษาไปตามอาการ ในที่สุดต้องนำตัวยาที่ใช้ไปให้หมอดู ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ก.ย. ได้ไปโรงพยาบาลมีอาการหมดสติระหว่างเดินทาง แต่แพทย์ช่วยไว้และกลับมาบ้าน ก่อนที่ญาติไปพบว่าหมดสติอยู่ในห้องน้ำ คราวนี้น้าสาวเสียชีวิต ท่ามกลางความเสียใจของทุกคน” น.ส.กมลชนก กล่าว

ด้าน เภสัชกรเด่น ปัญญานันท์ เภสัชกรเชี่ยวชาญ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแพร่ กล่าวว่า เหตุการณ์นี้คือปัญหาใหญ่ของสังคมยุคปัจจุบันที่ประชาชนสามารถเข้าถึงยาได้ง่าย ด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารที่ทันสมัย ขณะนี้มียาที่พยายามบอกว่าปลอดภัยเป็นยาสมุนไพรประมาณนี้ออกมาโฆษณาจำนวนมาก ซึ่งทางสาธารณสุขจังหวัดแพร่มีมาตรการและออกประกาศ พร้อมทั้งมีคำสั่งห้ามโฆษณายาและอาหารเสริมที่สถานีวิทยุกระจายเสียงในจังหวัดแพร่ไปแล้วนั้น สามารถสกัดได้ส่วนหนึ่ง แต่โลกการสื่อสารมันกว้างมาก

กรณีของผู้เสียชีวิตรายนี้ มาจากการหลงเชื่อคำโฆษณาแล้วไปใช้โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ จนถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการร้องเรียนเข้ามายังสาธารณสุขจังหวัด จึงไม่ทราบรายละเอียดมากนัก แต่ถ้าดูตามเหตุการณ์แล้ว ผู้เสียชีวิตมีอาการบวม และเป็นโรคไต ในที่สุดเกิดอาการไตวาย น่าจะมาจากสเตียรอยด์ ซึ่งเป็นยาปัจจุบันที่ผู้ผลิตยานำไปแฝงไว้ในตัวยาที่จำหน่าย อย่างไรก็ตาม จะต้องสอบหาขอเท็จจริงเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับประชาชนรายอื่นๆ ต่อไป ซึ่งต้องขอความร่วมมือจากญาติผู้เสียชีวิตนำปัญหาดังกล่าวร้องเรียนหรือให้ข้อมูลเข้ามายังหน่วยงานสาธารณสุขจังหวัด จะได้ตรวจสอบเว็บไซต์ที่โฆษณายาเหล่านั้นได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจำหน่ายยาเกี่ยวกับสุขภาพความงามและสมรรถภาพทางเพศ ยังคงมีจำหน่ายในตลาดของโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่องและเพิ่มปริมาณมากขึ้น ในขณะที่รัฐบาลยังไม่มีมาตรการใดๆออกมารองรับ เนื่องจากระเบียบกฎหมายทั้งอาหารและยา รวมทั้งการสื่อสาร ปัจจุบันไม่สามารถควบคุมได้เลย

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน