หนุ่มติดเหล้าเมาคลั่ง ตะโกนให้คนมาฆ่าตัวเอง ก่อนใช้เชือกหวังลาโลก แต่ไม่สำเร็จ วิ่งคว้าจอบฟัน่พอสาหัส ขณะนอนอยู่ในเปล
เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีหนุ่มติดเหล้าหนักจนเกิดอาการหลอนพยายามผูกคอตายแต่ไม่สำเร็จ ก่อนจะถือจอบเข้าไปสับศีรษะพ่อบังเกิดเกล้าของตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงเดินทางไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นบ้านหลังหนึ่งใน ต.ถนนหัก อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์
สอบถามชาวบ้าน เล่าให้ฟังว่า ผู้ที่ก่อเหตุทำร้ายพ่อตัวเอง คือ นายสามารถ อายุ 39 ปี ใช้จอบสับเข้าที่บริเวณศีรษะของนายชาลี อายุ 61 ปี ผู้เป็นพ่อ ขณะนอนเล่นอยู่ในเปลข้างบ้าน จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ญาติและชาวบ้านเห็นจึงตะโกนให้หยุด และรีบช่วยกันนำตัวนายชาลี ผู้เป็นพ่อที่ถูกลูกทำร้ายส่งโรงพยาบาลนางรอง เพื่อให้แพทย์ช่วยเหลือ พบว่ามีแผลถูกจอบสับบริเวณท้ายทอย
ชาวบ้านบอกอีกว่า ก่อนนายสามารถจะใช้จอบสับศีรษะพ่อตัวเอง ได้ตะโกนลั่นคล้ายคนเสียสติว่า “ฆ่าฉันหน่อย ฆ่าฉันหน่อย” แล้วปีนขึ้นไปบนต้นไม้หลังบ้าน จากนั้นใช้เชือกผูกติดกับกิ่งไม้พยายามจะผูกคอตาย แต่กิ่งไม้เกิดหักทำให้นายสามารถร่วงลงมาที่พื้น จากนั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ นายสามารถก็เดินถือจอบไปสับหัวพ่อตัวเองที่นอนอยู่ในเปล ก่อนจะหลบหนีไป
นางชิ้น อายุ 68 ปี ป้าของนายสามารถ กล่าวว่า นายชาลีอาศัยอยู่บ้านที่เกิดเหตุกับนายสามารถ ลูกชายเพียง 2 คน นายสามารถชอบดื่มเหล้าจนติด แต่ที่ผ่านมายังไม่เคยเห็นทำร้ายใคร แต่วันเกิดเหตุมีท่าทางเหม่อลอยผิดปกติ ก่อนตะโกนลั่นให้ฆ่าตัวเอง และก่อเหตุทำร้ายพ่อ ตนตกใจมาก และกลัวว่านายสามารถจะกลับมาก่อเหตุทำร้ายญาติพี่น้อง หรือเพื่อนบ้านอีก จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวดำเนินคดีและส่งบำบัดอาการติดเหล้า
ด้านนายสุรัตน์ อายุ 42 ปี ลูกพี่ลูกน้องกับนายสามารถ กล่าวว่า ตนได้ยินเสียงตี 2 ครั้ง ก่อนที่ชาวบ้านจะเข้าไปห้ามนายสามารถไม่ให้ทำร้ายพ่ออีก ซึ่งตอนที่เข้าไปก็พบว่าลุงชาลีถูกจอบสับที่ศรีษะจนเลือดไหลอาบแล้ว ทางญาติจึงช่วยกันนำส่งโรงพยาบาล หากเพื่อนบ้านไม่มาเห็นและตะโกนห้าม ลุงชาลีอาจจะถูกลูกทำร้ายจนได้รับอันตรายจนถึงแก่ชีวิต แต่รู้สาเหตุที่นายสามารถทำร้ายพ่อ คาดว่าน่าจะเกิดจากผลของการติดเหล้าจนเกิดอาการหลอน
หลังจากได้รับการรักษาที่โรงพยาบาล นายชาลีอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว สามารถพูดคุยและยืนยันว่าจะแจ้งความเอาผิดลูกชายที่ทำร้ายตัวเองจนเจ็บสาหัส ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรอให้มีผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์ก่อน จึงจะดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดได้
