สาวเล่านาทีสลด อส.อดีตสามี เมาเหล้าขับรถถือปืนบุกมาขอคืนดี จนต้องหนีเข้าห้องเก็บของ พอจวนจะโดนหาเจอ แม่กลับโดดขวางพยายามเจรจา กลับโดนจ่อยิงดับต่อหน้า
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2563 ที่จ.ชุมพร น.ส.พิมพ์นภา ถิ่นวงศ์เกลอ อายุ 29 ปี ชาวจ.ชุมพร ร้องเรียนกับสื่อมวลชนว่า แม่ถูกสามีของตนซึ่งเป็น อส. ใช้อาวุธปืนยิงดับคาบ้านต่อหน้าพ่อเลี้ยง ต้องวิ่งหนีเอาตัวรอด ส่วนตนไปแอบในห้องเก็บของหลังบ้านจึงรอดตายหวุดหวิด แต่ขณะนี้ยังนอนผวาเพราะตำรวจยังจับไม่ได้
น.ส.พิมพ์นภา กล่าวว่า เมื่อกลางดึกของวันที่ 14 ธ.ค. ขณะที่ตนเกับแม่คือนางพรเพ็ญ แจะซ้าย อายุ 47 ปี และนายชัยพจน์ ทอดสวัสดิ์ อายุ 52 ปี สามีใหม่ของแม่ และหลายชายวัย 3 ขวบ กำลังนอนอยู่ในบ้าน นายฉัตรชัย แสงสวัสดิ์ อายุ 35 ปี อดีตสามีที่เลิกรากันไปเมื่อ 4 เดือนก่อน ได้ขับรถกระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ มาจอดที่หน้าบ้าน ก่อนจะใช้เท้าถีบประตูตะโกนโวยวายเสียงดัง
เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
ตนที่พยายามหลีกเลี่ยงไม่อยากพบหน้ากันอีก จึงได้วิ่งไปแอบอยู่ในห้องเก็บของหลังบ้าน เพราะเห็นท่าไม่ดี เนื่องจากมีเพื่อนโทรมาบอกว่านายฉัตรชัย มีอาการมึนเมาและกำลังขับรถมาหาตนที่บ้าน และยังบอกกับเพื่อนอีกว่า “หากวันนี้ไม่ยอมคืนดีก็จะฆ่าทิ้งให้หมดบ้าน”
น.ส.พิมพ์นภา กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเปิดประตูบ้านให้ นายฉัตรชัย จึงเดินไปทางข้างบ้านงัดหน้าต่างจนหลุดออกมา ก่อนจะปีนเข้ามาในห้องนอนแล้วตะโกนเรียกหาตน ทางแม่พยายามพูดและบอกว่าตนไม่อยู่ ไปนอนบ้านเพื่อนในตัวเมืองชุมพร แต่นายฉัตรชัย ไม่เชื่อยังเดินตามหาตนต่อไปจนมาเกือบถึงห้องเก็บของที่ตนเองแอบอยู่
แม่เห็นท่าไม่ดีจึงเข้ามาขวางพยายามพูดให้ใจเย็น แต่แล้วตนก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ทีแรกนึกว่ายิงขู่แต่ตนกลับได้ยินเสียงพ่อเลี้ยงและหลานร้องเสียงดัง สักพักก็ได้ยินเสียงสตาร์ทรถขับออกไป ตนจึงได้ออกมาจากห้องเก็บของก็เห็นแม่นอนตายจมกองเลือดไปแล้ว ตนตกใจมากจนทำอะไรไม่ถูก
น.ส.พิมพ์นภา กล่าวต่ออีกว่า หลังจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ตำรวจยังไม่สามารถจับตัวนายฉัตรชัย ได้ทำให้ตนต้องอยู่อย่างหวาดผวาเพราะไม่รู้ว่านายฉัตรชัย จะกลับมาเอาชีวิตตนหรือไม่ เพราะเคยพูดไว้จะฆ่าให้หมด
อีกทั้งตอนนี้แขกที่มาในงานศพก็ยังไม่ค่อยกล้านั่งหรือมาร่วมงาน เพราะกลัวนายฉัตรชัย จะแอบมาก่อเหตุขึ้นอีก จึงอยากให้ตำรวจเร่งจับกุมนายฉัตรชัย ให้ได้โดยเร็ว ถ้าหากยังไม่สามารถจับตัวได้ก็จะยังไม่เผาศพแม่ และจะเดินทางไปร้องต่อตำรวจกองปราบให้ช่วยคลี่คลายคดีนี้ต่อไป
ด้านนายชัยพจน์ พ่อเลี้ยง ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า วันนั้นไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรง ตนยอมรับไม่ได้กับภาพที่ภรรยาถูกนายฉัตรชัย ยิงตายต่อหน้าต่อตา ซ้ำร้ายใจยังโหดเหี้ยมก่อเกตุต่อหน้าเด็ก 3 ขวบ ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานแท้ ๆ อีกด้วย
นายชัยพจน์ กล่าวต่อว่า หลังนายฉัตรชัย ก่อเหตุยิงภรรยาแล้วยังเดินไปทุบประตูห้องอีกห้องจนพัง ตนจึงอาศัยช่วงนั้นอุ้มหลานชายวิ่งไปหลบซ่อนตัวในป่า เมื่อเห็นว่านายฉัตรชัย ขับรถออกไปแล้ว จึงได้ออกมาและเข้าไปดูศพภรรยา และตนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ตอนที่หลานถาม ทำไมยายเลือดออกเต็มเลย ยายเป็นอะไร ตนเองต้องปลอบ ก่อนพาหลานออกมานั่งร้องไห้อยู่นอกบ้าน จนกระทั่งตำรวจมาถึง