ททท.ประจวบฯ แจ้งระงับการจอง เราเที่ยวด้วยกัน โรงแรม 45 ห้องที่หัวหิน หลังพบพิรุธของวันเดียวกว่า 7 พันสิทธิ์ ตร.จ่อดำเนินคดี

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

จากกรณีที่ชาวเน็ตจับพิรุธ โรงแรมแห่งหนึ่งใกล้สำนักงานเทศบาลเมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ใช้สิทธิเราเที่ยวด้วยกัน ราคาห้องเหลือ 300-400 บาทต่อคืน มีผู้จองห้องพักวันเดียวเกือบ 7 พันครั้ง ทั้งที่ไม่มีห้องพักที่จะรองรับได้ ขณะเดียวกันมีการแชร์ภาพบริเวณหน้าโรงแรม พบแขกส่วนใหญ่มาเช็กอินตัวเปล่าไร้กระเป๋า ทำให้นักท่องเที่ยวรายหนึ่งสอบถามว่า หากจองแล้วไม่ได้ไปเข้าพัก แต่ไปเช็กอินเพื่อเอาคูปอง 600 หรือ 900 บาท การกระทำดังกล่าวจะเข้าข่ายความผิดตามที่ ททท.กำลังตรวจสอบหรือไม่ โรงแรมชี้แจงว่า เป็นสิทธิของลูกค้า ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าการกระทำลักษณะดังกล่าวอาจเข้าข่ายทุจริตและเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบ

ล่าสุดวันที่ 29 ธ.ค.63 ที่ห้องประชุมสถานีตำรวจท่องเที่ยว 2 กก.1 บก.ทท.3 อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ น.ส.โศรยา หอมชื่น ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานประจวบคีรีขันธ์, พ.ต.อ.รัฐพงศ์ แก้วยอด ผกก.กองกำกับการควบคุมธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ บช.ทท., นายมนตรี มานิชพงษ์ ปลัดอำเภอหัวหิน, นางวาสนา ศรีกาญจนา นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ, ตำรวจภูธรหัวหิน, ตัวแทนจากธนาคารกรุงไทย เจ้าหน้าที่สำนักงานเศรษฐกิจและการคลัง ได้ร่วมประชุมหารือเพื่อทำการตรวจสอบและวางแนวทางดำเนินการกับโรงแรมเจ้าปัญหาที่พบพิรุธ

น.ส.โศรยา กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนหาหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สำหรับ ททท.ได้ระงับการจองของโรงแรมดังกล่าวแล้ว ผู้จองจะไม่สามารถเข้าไปจองในระบบได้ รวมทั้งมีการนำชื่อโรงแรมที่พบพิรุธ ออกจากมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ในส่วนของผู้ที่กดจองให้สิทธิ์กับโรงแรมแห่งนี้ จะไม่สามารถจ่ายเงินได้ และจะไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐ

ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลพบความผิดปกติตั้งแต่โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ระยะแรก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างติดตามข้อมูล แต่ถึงโครงการระยะที่ 2 เห็นความผิดปกติชัดเจน และธนาคารกรุงไทยแจ้งว่า ได้ดำเนินการปิดระบบการจ่ายเงินแล้ว ส่วนการทุจริต หากมีหลักฐานชัดเจน ททท.จะร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลังเป็นผู้แจ้งความเอาผิด และยอมรับว่าปัญหานี้ส่งผลต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของเมืองหัวหิน

ด้าน พ.ต.อ.เอกรัฐพงศ์ กล่าวว่า จะรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจน เพราะมองได้หลายมุม เนื่องจากประชาชนบางส่วนอาจจะจองโรงแรมเพราะต้องการเที่ยวและใช้สิทธิ์จริง แต่บางรายอาศัยช่องโหว่ของระบบหาประโยชน์ส่วนตัว ดังนั้นต้องรวบรวมพยานหลักฐานการกระทำผิดให้ชัดเจน สำหรับภาพที่เห็นจากกล้องวงจรปิดก็เป็นหลักฐาน ส่วนโรงแรมที่มีห้องพักแค่ 45 ห้อง แต่มีการใช้สิทธิ์ หรือเช็คอินวันละ 200-300 คน ก็เป็นไปไม่ได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน