ผู้การสุราษฎร์ฯ บินด่วน ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุ สิบเวร ขืนใจ ผู้ต้องขังสาวบนโรงพักบ่อผุด สั่งตั้งกรรมสอบวินัยร้ายแรง หลังสั่งพ้นราชการทันที เผยต้องเสร็จใน 7วัน

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

จากกรณีตำรวจสิบเวรห้องขัง ยศ ‘ด.ต.’ นำตัว น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 21 ปี ชาวเมียนมา ซึ่งเป็นผู้ต้องหาต่างด้าวรอผลักดัน ออกจากห้องควบคุมของโรงพักแล้วพาไปที่ห้องจราจร ก่อนลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง จากนั้น จึงนำผู้ต้องหากลับไปควบคุมตามเดิม ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 01.50-02.30 น.ของวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ผู้การสุราษฎร์ฯ บินด่วน ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุ สิบเวร ขืนใจ ผู้ต้องขังสาวบนโรงพักบ่อผุด

ผู้การสุราษฎร์ฯ บินด่วน ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุ สิบเวร ขืนใจ ผู้ต้องขังสาวบนโรงพักบ่อผุด

ล่าสุดเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 15 ม.ค.2564 พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ได้เดินทางมาที่ สภ.บ่อผุด ด้วยเฮลิคอปเตอร์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 8 ตรวจสอบที่เกิดเหตุ และร่วมประชุมรับฟังรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.สาธิต มีคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่ 14/64 ลงวันที่ 14 ม.ค.2564 ให้ ด.ต. ผู้ก่อเหตุออกจากราชการไว้ก่อน

ภาพของผู้ต้องหาในวันก่อเหตุ

ภาพของผู้ต้องหาในวันก่อเหตุ

และได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรง โดยมี พ.ต.อ.ไพศาล สังข์เทพ รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เป็นหัวหน้า เข้าสอบสวนวินัยโดยให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน และมีรายงานอีกว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา ด.ต. ผู้ต้องหา ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นจำนวนเงิน 4 แสนบาท ประกันตัวในชั้นฝากขังต่อศาลจังหวัดเกาะสมุย โดยศาลอนุญาตให้ประกันตัว

พล.ต.ต.สาธิต กล่าวว่า จากเหตุดังกล่าวได้แบ่งการดำเนินการออกเป็น 2 ส่วน คือ ในส่วนของคดีความผิดเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งยังมีอีกหลายส่วนที่ต้องตรวจพิสูจน์สอบปากคำพยาน การตรวจสถานที่เกิดเหตุ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนทางคดีวินัยเมื่อวานได้ออกคำสั่งให้ดาบตำรวจคนดังกล่าวออกจากราชการไปแล้ว เพื่อความสะดวกในการดำเนินคดีทั้งอาญาและวินัย และตั้งกรรมการดำเนินการวินัยร้ายแรง

พล.ต.ต.สาธิต กล่าวต่อว่า ในความผิดดังกล่าว ได้ส่งกระทบต่อภาพพจน์และภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างยิ่ง ถ้าใครทำผิดจริงเราต้องดำเนินการอย่างเฉียบขาด รวดเร็ว และคืนความชอบธรรมให้กับคนที่ถูกกระทำ หลังจากนี้การป้องกันต้องมีความเข้มข้นขึ้น ซึ่งผู้บังคับบัญชาระดับสูงก็ได้สั่งการลงมาด้วยในเรื่องการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาในเรื่องของความประพฤติ เรื่องของประวัติ และเรื่องความสุ่มเสียงที่จะเกิดขึ้นดังกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน